กต.แจงทูต เหตุจำเป็นประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

กระทรวงการต่างประเทศ 20 ต.ค.- กระทรวงการต่างประเทศจัดการบรรยายสรุปคณะทูตและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย และการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพราะมีเหตุจำเป็น ยืนยันรับฟังข้อเรียกร้องผู้ชุมนุม ขณะที่ตำรวจปฎิบัติตามขั้นตอนกฎหมายพันธกรณีระหว่างประเทศ รวมถึงสื่อมีสิทธิเสรีภาพ


นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังบรรยายสรุปสถานการณ์ทางการเมืองให้กับคณะทูตานุทูตและองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทย ว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (20 ต.ค.) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที โดยมีคณะทูตเข้าร่วม 84 คน ในจำนวนนี้เป็นเอกอัครราชทูต 37 คน อาทิ เอกอัครราชทูตประจำสภาพยุโรป รัสเซีย อินเดีย และเยอรมนี อุปทูต 13 คน และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ 6 คน อาทิ คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) องค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APT) องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM)

นายธานี กล่าวว่า ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้บรรยายเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยรัฐบาลได้มีการเปิดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมได้แสดงออกตามสิทธิเสรีภาพภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีกลไกในการนำข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในวันที่ 13 ตุลาคม 2563 เกิดการเผชิญหน้าของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่ในวันที่ 14 ตุลาคม สถานการณ์มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงและก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยของสาธารณะในภาพรวม ในบางช่วงยังมีการดำเนินการที่ส่งผลกระทบต่อขบวนเสด็จฯ เป็นการข้ามเส้นแบ่งที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ขณะเดียวกันประเทศไทยมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ก่อนหน้านี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการแพร่ระบาด จึงทำให้รัฐบาลได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในท้องที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ตามมา


ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้และป้องกันเหตุกระทบกระทั่งระหว่างผู้ชุมนุม ทั้งยังเฝ้าระวังผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ และควบคุมการนำอาวุธเข้ามาในที่ชุมนุม โดยยืนยันว่าการใช้อำนาจหน้าที่เป็นไปตามกฏหมาย ขณะที่สื่อต่าง ๆ สามารถมีสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อเข้าควบคุมพื้นที่ตามหลักสากล และดำเนินการอย่างมีขั้นตอนด้วยความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด เป็นไปตามกฎหมายไทยและตามพันธกรณีที่ไทยมีอยู่กับกฎหมายระหว่างประเทศ

ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงกระบวนการดำเนินการในขั้นต่อไปของรัฐบาลในการรับฟังปัญหาและข้อเรียกร้องจากประชาชนทุกฝ่าย รวมทั้งการสร้างความเข้าใจกับประชาชน นอกจากนี้ยังได้แจ้งให้ทราบถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (20 ต.คง) ที่มีมติให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออกและพิจารณาข้อเสนอของผู้ชุมนุมในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นทางออกที่สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม

นายธานี กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการถามตอบนั้น มีคำถามถึงความคาดหวังของการเปิดประชุมสภาว่าเป็นอย่างไร ซึ่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าคงต้องพิจารณาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมทั้ง 6 ข้อ จะมีการรับฟังและหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันในที่ประชุมรัฐสภาต่อไป นอกจากนี้ยังมีคำถามเกี่ยวกับการปิดสื่อ ซึ่งรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ประชาชนยังสามารถเข้าถึงสื่อได้ แต่บางสื่อที่มีการให้ข้อมูลที่บิดเบือน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงต้องส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา คือ กระทรวงดิจิทัลพิจารณาดำเนินการต่อไป


นายธานี กล่าวอีกว่า ยังมีการถามเรื่องการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินว่าทำไมถึงเป็นสถานการณ์ร้ายแรง และคำถามเกี่ยวกับพันธกรณีของไทยต่อความตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้อธิบายว่าเป็นเพราะสถานการณ์มีพัฒนาการรุนแรงขึ้นตามลำดับ ส่วนปลัดกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าไทยปฏิบัติตามกรอบกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างครบถ้วนทุกประการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก