ลอนดอน 25 ก.ย. – ผลวิจัยมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจของอังกฤษพบว่า ชาวอังกฤษกว่าร้อยละ 80 ไม่ปฏิบัติตามมาตรการกักตัวเองขณะที่มีอาการป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อ
ผลวิจัยดังกล่าวระบุว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อเพียงร้อยละ 18.2 ในช่วง 7 วันสุดท้ายที่ไม่ออกจากบ้านตั้งแต่มีอาการป่วย และมีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 11.9 ที่ร้องขอการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา ทั้งยังรายงานว่า มีชาวอังกฤษเพียงร้อยละ 10.9 ที่เข้าสู่มาตรการกักตัวเองเป็นเวลา 14 วันหลังได้รับคำแนะนำจากโครงการเทสต์แอนด์เทรซ (Test and Trace) ของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอสของอังกฤษเนื่องจากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ขณะที่คณะผู้วิจัยได้สรุปผลการวิจัยไว้ว่า ข้อจำกัดทางการเงินและความรับผิดชอบในการดูแลเป็นปัจจัยที่ขัดขวางการปฏิบัติตามมาตรการกักตัวเอง ความตั้งใจแบ่งปันข้อมูลการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย และการกักตัวผู้สัมผัสโรค
ผลวิจัยมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจยังระบุถึงเหตุผลที่ชาวอังกฤษไม่ปฏิบัติตามมาตรการกักตัวของรัฐบาลว่ามีตั้งแต่ความไม่รู้ว่ามีมาตรการดังกล่าวไปจนถึงไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการป่วย และพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามชาวอังกฤษไม่ถึงครึ่งที่สามารถระบุอาการเข้าข่ายสงสัยว่าเป็นโรคโควิด-19 ได้ ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้ทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. – 5 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจาก 42,127 คำตอบจากผู้ตอบแบบสอบถาม 31,787 คนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป. – สำนักข่าวไทย