ศาลปกครองสั่งกทม.ระงับเวนคืนอสังหาริมทรัพย์

ศาลปกครอง 16 ก.ย.- ศาลปกครองสั่ง กทม.ระงับเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อก่อสร้างถนนเลียบคลองประปาฝั่งตะวันออก เชื่อมระหว่าง ถ.แจ้งวัฒนะ-ถ.สรงประภา ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเวนคืนฉบับใหม่ ไม่ใช้วิธีปรองดองตกลงซื้อขายตามมติ ครม. 9 ต.ค.2500


ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาสั่งให้กรุงเทพมหานครระงับการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อก่อสร้างถนนเลียบคลองประปาฝั่งตะวันออก เชื่อมระหว่างถนนแจ้งวัฒนะกับถนนสรงประภาไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

คดีนี้นายศักดิ์ณรงค์ ทยาเศรษฐ์ กับพวกรวม 6 คน ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในแนวเขตที่ดินเวนคืนดังกล่าว ได้ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ว่าขณะออกประกาศรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในโครงการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อก่อสร้างถนนเลียบคลองประปาฝั่งตะวันออกเชื่อมระหว่างถนนแจ้งวัฒนะกับถนนสรงประภา มีการใช้บังคับรัฐธรรมนูญ 60 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 แล้ว


การที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไม่ได้เสนอคณะรัฐมนตรี ออก พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ในการเข้าไปสำรวจทรัพย์สินและตกลงซื้อขายกับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนด แต่กลับตกลงซื้อขายกับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์โดยใช้วิธีปรองดองตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2500 ซึ่งเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติแก่หน่วยงานราชการ ทำให้อาจมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย

ดังนั้นหากปล่อยให้มีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามโครงการฯ โดยใช้วิธีปรองดองตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2500 ต่อไป ย่อมทำให้นายศักดิ์ณรงค์ กับพวก ได้รับความเดือดร้อนเสียหายในระหว่างพิจารณาคดีของศาลและยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง จึงมีมูลและมีเหตุเพียงพอที่ศาลจะนำมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษามาใช้ อีกทั้งเห็นว่าการมีคำสั่งให้กรุงเทพมหานครระงับการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ โดยการใช้วิธีปรองดองตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2500 ในโครงการฯ ไว้ก่อน ย่อมทำให้กรุงเทพมหานคร ได้มีโอกาสพิจารณาปรับปรุงแผนการดำเนินงานตามโครงการฯ รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อเป็นเงินค่าทดแทนที่จะต้องนำไปจ่ายให้แก่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นผลดีแก่การบริหารราชการของกรุงเทพมหานคร จึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา สั่งกรุงเทพมหานครระงับการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวไว้ก่อน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง