กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – เวทีเสวนาตามหาความจริง “คดีบอส” ที่จัดโดยมูลนิธิเมาไม่ขับ พุ่งเป้าไปที่แอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งอาจนำมาเป็นหลักฐานใหม่ได้ นอกจากนี้ อัยการยังชี้ทีมกฎหมายของ “บอส อยู่วิทยา” วางแผนสู้คดีผิด ทำให้สังคมไม่ให้อภัย
เวทีเสวนา “คดีบอส ยุติธรรมหรือธรรม-ยุติ” มีข้อสังเกตจากอัยการจังหวัด สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงสุพรรณบุรี ที่มองว่า พยานหลักฐานคดีนี้ถูกบิดเบือน ทำลายหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นการให้พ่อบ้านมารับผิดแทน หรือการหาพยานใหม่ 2 คน มาชี้ประเด็นความเร็วของรถ ทั้งยังมองว่า ทีมกฎหมายของฝ่ายผู้ต้องหาวางแผนผิด ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยว่ามีการทำลายหลักฐานต่างๆ จำนวนมาก ถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง
ในเวทีเสวนายังนำอาสาสมัครมาทดสอบหาแอลกอฮอล์ในร่างกาย และพิสูจน์ค่าการลดลงของแอลกอฮอล์ทุกชั่วโมง เนื่องจากคดี “บอส” มีการให้ข้อมูลในสำนวนว่า ปริมาณแอลกอฮอล์จะลดลง 15% ทุกชั่วโมง ซึ่งผลตรวจแอลกอฮอล์ “บอส” วันเกิดเหตุ พบว่ามีแอลกอฮอล์ 64.4 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หากคำนวณย้อนหลัง 11 ชั่วโมง พบว่า “บอส” มีแอลกอฮอล์สูงถึง 389 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เป็นเหตุให้อ้างว่าขับรถไม่ได้ แต่พบว่าหลักการนี้ไม่เป็นความจริง เพราะแอลกอฮอล์ไม่ได้ลดลงทุกชั่วโมง ค่าที่ได้ไม่คงที่ บางคนยังสามารถขับรถได้ แม้ไม่ควรทำก็ตาม และประเด็นนี้น่าจะเป็นข้อมูลใหม่สำหรับคดีนี้ได้
อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชี้เป็นเรื่องแปลกที่ตำรวจไม่ตรวจแอลกอฮอล์ “บอส” ทันทีที่พบตัว แต่ทิ้งเวลานานหลายชั่วโมง และใช้วิธีคำนวณย้อนหลัง ซึ่งมีผลต่อการตรวจวัด และมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง ทั้งอาหารที่รับประทาน และการดูดซึมของร่างกาย
ผู้เสวนาเห็นตรงกันว่า การทำหน้าที่ของอัยการในปัจจุบัน ขาดความพยายามที่จะค้นหาหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ สิ่งสำคัญควรรวบรวมหลักฐานตั้งแต่ต้นทางให้ถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม นำคนผิดมาลงโทษต่อไป. – สำนักข่าวไทย