เรียกร้อง ศธ.ไฟเขียวนักเรียน-นักศึกษา แสดงออกทางการเมือง

กทม. 18 ส.ค.-เอ็นจีโอด้านเด็กเรียกร้องกระทรวงศึกษาฯไฟเขียวนักเรียนนักศึกษา แสดงออกทางการเมือง ให้ครูอำนวยความสะดวก รวบรวมเนื้อหาส่งต่อภาครัฐอย่างเป็นระบบ


นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชาย บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวถึงกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของนักเรียนหลายสถาบันพร้อมใจกันทำกิจกรรมชูสามนิ้วหลังเคารพธงชาติ ตลอดจนการผูกริบบิ้นสีขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงจุดยืนการเมือง ว่า ปรากฏการณ์ชู 3นิ้วของนักเรียน ในโรงเรียนช่วงเข้าแถวตอนเช้ากำลังเล่าอะไรบางอย่างกับสังคม สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นระบบอำนาจนิยมที่ถูกผลิตซ้ำอย่างไม่ขาดสาย อาทิ วัฒนธรรมในโรงเรียน ที่เปิดเทอมต้องกร้อนผม ตัดเลาะกระโปรง เป็นต้น อำนาจนิยมในบริบทดังกล่าวขัดแย้งกับสังคมจริงนอกห้องเรียนที่มนุษย์ต้องคิดเป็น ตัดสินใจเป็น มีทางเลือกเป็นของตนเอง ส่วนการกระทำในบริบทของครู เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ทำมาอย่างยาวนาน ระบบอำนาจนิยมที่หยั่งรากลึกในโรงเรียนภายใต้โลกใบใหม่ของนักเรียนที่สามารถเชื่อมข้อมูล ความทุกข์ แรงกดดันได้อย่างเสรี คือการเร่งวิกฤติศรัทธาต่อผู้ใช้อำนาจในอัตราที่เร็วมาก

นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า กรณีนี้พบว่ามีครู อาจารย์ ในโรงเรียนบางแห่งได้กระทำการที่ไม่เหมาะสมกับเด็กๆนักเรียนที่แสดงออก ทั้งวาจาและการกระทำ ตามที่ปรากฏข่าว ในฐานะคนทำงานด้านเด็กและเยาวชน มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นผลกระทบโดยตรงต่อเด็ก จึงขอแสดงจุดยืน ดังนี้


1.ขอสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักเรียนนักศึกษาทุกระดับชั้น ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับรองไว้ และเป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กซึ่งให้ความสำคัญกับสิทธิการมีส่วนร่วมของเด็กอย่างยิ่ง
2.กระทรวงศึกษาธิการควรมีนโยบายเปิดพื้นที่แสดงออกของนักเรียน นักศึกษา ให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่ปลอดภัยปราศจากการแทรกแซง หรือคุกคามของคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดหรือแม้กระทั่งครู อาจารย์ และควรกำหนดให้ครู อาจารย์ อำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรม เพื่อรวบรวมเอาความคิดเห็นต่างๆของเด็กๆส่งต่อให้กับรัฐบาล เพื่อให้ได้รับรู้ความเป็นไปและข้อเท็จจริงที่เขาต้องการ และคอยชี้แนะให้อยู่ในกรอบที่ไม่ละเมิดกฎหมาย
3.กระทรวงศึกษาและสถานศึกษาควรระลึกอยู่เสมอว่า ความตื่นตัวในทางการเมืองและสนใจปัญหาบ้านเมืองของนักเรียนนักศึกษาในยุคนี้ คือสิ่งที่มีค่า ควรสนับสนุนและรักษาไว้อย่างยิ่ง ควรตั้งคำถามกับระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ว่า เหตุใดการเรียนการสอนทุกวันนี้จึงไม่สามารถกระตุ้นการเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ให้กับลูกศิษย์ได้เลย ครั้นเมื่อเด็กๆลุกขึ้นมาตื่นรู้ด้วยตัวเองแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่เด็กๆจะถูกปิดกั้นและริดรอนสิทธิเสรีภาพของพวกเขา ควรยอมรับความจริงว่าความล้มเหลวในระบบมีอยู่จริงและต้องเร่งแก้ไข
4.ขอเรียกร้องต่อรัฐบาล ทหารตำรวจและหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆต้องยุติการแทรกแซงกิจกรรมของนักเรียนนักศึกษาในทุกรูปแบบทันที หากต้องการรับรู้สถานการณ์และข้อมูลให้สอบถามจากครู อาจารย์ในโรงเรียนเท่านั้น และไม่ควรมีใครติดตาม คุกคาม นักเรียนนักศึกษาและครอบครัว
และ 5.ขอเรียกร้องต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้พยายามทำความเข้าใจต่อมุมมอง ความคิดของเด็ก ๆ มองให้เห็นคุณค่าและความงดงามในการตั้งคำถาม การลุกขึ้นมาเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ คอยระมัดระวังเรื่อง Hate speech สร้างความเกลียดชัง และให้การเคารพในความคิดต่าง

ด้านนายธนเดช ใจสบาย ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ ได้ออกแถลงการณ์โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า “เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ เห็นว่าการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของนักเรียนในรั้วสถาบันการศึกษานั้น เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของนักเรียนที่สามารถจะกระทำได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 34 ก็บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ฯ” ประกอบกับ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่มีหลักการสำคัญคือเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก 4 ด้าน โดยเฉพาะด้านที่ 4 “สิทธิที่จะมีส่วนร่วม” ซึ่งสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ตลอดจนเข้ามามีบทบาทในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะกับเรื่องที่ส่งผลกระทบหรือมีส่วนโดยตรงกับตัวเด็กและเยาวชน

เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ จึงขอเรียกร้องไปยังสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ให้สถาบันการศึกษาทุกระดับ เปิดพื้นที่ในรั้วสถาบันการศึกษาให้แก่นักเรียนเพื่อแสดงออกทางความคิดได้อย่างเสรี และไม่ปิดกั้นการทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ตลอดจนไม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อร่างกายและจิตใจของนักเรียน .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง