กรุงเทพฯ 13 ส.ค. -ร้านขายยาวอนภาครัฐ หากนำหน้ากากอนามัยทางการแพทย์กระจายตลาดควรให้ทั่วถึง เพื่อบริการแก่ประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานบริเวณร้านขายยาแถวหน้าโรงพยาบาลราชวิถีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้ผ่อนปรนให้โรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ในประเทศสามารถเป็นผู้กระจายหน้ากากอนามัยออกสู่ตลาดได้โดยตรง โดยไม่ต้องนำส่งให้รัฐบริหารจัดการเหมือนเช่นที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่11 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ จากผลสำรวจและสอบถามร้านขายยาหลายร้านถึงมาตรการผ่อนปรนดังกล่าว พูดเป็นเสียงเดียวกันถ้าออกมากระจายสู่ท้องตลาดได้จะดีมาก เพราะร้านขายยาส่วนใหญ่ไม่มีหน้ากากอนามัยทางการแพทย์จำหน่ายมานานแล้ว และกำลังรออยู่ว่าจะได้รับสินค้ามาวางจำหน่ายเมื่อใด และไม่รู้ว่าจะได้ปริมาณมากน้อยแค่ไหน ส่วนใหญ่ร้านขายยาถ้าไม่ใช่ร้านใหญ่มักจะไม่ค่อยได้รับ หลังจากมีข่าวว่าจะมีหน้ากากอนามัยทางการแพทย์กระจายตามท้องตลาดได้มีประชาชนมาสอบถามเหมือนกัน ดังนั้น ร้านขายยาคงต้องรอการกระจายหน้ากากอนามัยกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผลจากการหารือถึงมาตรการผ่อนปรนระหว่างกรมการค้าภายในและโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ในประเทศปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นจาก 9 โรงงาน เป็น 30 โรงงาน กำลังการผลิตรวม 4.5 ล้านชิ้นต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ผลิตได้ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ถือว่าการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์มีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในกลุ่มเสี่ยงที่มีความจำเป็น เช่น โรงพยาบาล สนามบิน ประมาณวันละ 2-3 ล้านชิ้นต่อวัน จะไม่เกิดการขาดแคลนอย่างแน่นอน ยิ่งขณะนี้ประชาชนมีหน้ากากผ้าทางเลือก จึงเชื่อว่าการนำหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ออกมากระจายสู่ตลาดบางส่วนจะไม่กระทบหรือทำให้หน้ากากอนามัยตามโรงพยาบาลและสถานที่จำเป็นขาดแคลนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้กำหนดราคาจำหน่ายปลีกไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท และไม่จำกัดการซื้อของประชาชน หากเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 ในกลุ่มเสี่ยงจำเป็นใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ทางโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยพร้อมนำหน้ากากอนามัยส่งช่วยเหลือตามเดิมได้ทันที รวมทั้งกรมการค้าภายในยังใช้มาตรการดูแลการส่งออก โดยผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกหน้ากากอนามัยจำเป็นต้องขออนุญาตทางคณะทำงาน พร้อมแจ้งรายละเอียดของการอนุญาต จำนวน ปริมาณ ชนิดของหน้ากาก เพื่อการส่งออกเช่นเดิม.-สำนักข่าวไทย