ศธ.11ส.ค.-สพฐ.แจ้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศให้สถาน ศึกษาทุกแห่งทดลองเปิดเรียน On-site เต็มรูปแบบทุกโรงเรียน เริ่ม13 ส.ค.นี้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ส่วนการจัดกิจกรรมรวมตัวจำนวนมากควรงด หากจำเป็น ให้ประสานสาธารณสุขในพื้นที่ หน่วยงานรับผิดชอบให้ความเห็นชอบและแจ้งให้ผู้ว่าฯจังหวัดทราบ
รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งว่า วันนี้ (11 ส.ค.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยนายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหนังสือแจ้งผู้อำนวยการสำนักเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เรื่อง การทดลองเปิดเรียนแบบ On-site ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เต็มรูปแบบทั่วประเทศ
โดยมีรายละเอียดว่า
ตามที่รัฐบาล ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ทำให้สถานศึกษาต้องเปิดเรียนในวันที่ 1กรกฎาคม 2563 ในหลายรูปแบบตามที่ได้รับการอนุมัติ จากศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัด (ศปก.จ.)โดยสถานศึกษาได้ดำเนินการตามมาตรการการเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) ไปแล้วนั้น และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ ณ ทำเนียบรัฐบาล ในการพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการการเฝ้าระวังของโรคดังกล่าว โดยการทดลองเปิดเรียนแบบ On-site ของสถานศึกษาเต็มรูปแบบ แต่นักเรียนจะต้องจดบันทึกการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ หลังเลิกเรียนเพื่อเป็นมาตรการในการติดตามนักเรียน หากมีการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ในสถานศึกษา และสถานศึกษาจะต้องปรับการจัดการเรียนการสอน โดยเน้นการจัดกิจกรรมนอกห้องเรียน เพื่อใช้ห้องเรียนให้น้อยที่สุด ซึ่งการทดลองครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีและสามารถทดลองเปิดเรียนแบบ On-site เต็มรูปแบบทั่วประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป
ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง แจ้งให้สถานศึกษาในสังกัด ที่จัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เต็มรูปแบบ ทุกรูปแบบ ให้ทดลองเปิดเรียนแบบ On-Site ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดข้างต้นอย่างเคร่งครัดและดำเนินการตามมาตรการของสาธารณสุข ทั้ง 5 ข้อ
ส่วนมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม ให้โรงเรียนสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ โดยหากสถานศึกษามีความจำเป็นต้องจัดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการรวมตัวกัน เป็นจำนวนมาก เช่น การประชุม หรือการจัดกิจกรรมรื่นเริง หรือการละเล่นที่มีคนจำนวนมากในสถานศึกษา ควรงดเว้น หรือหากมีความจำเป็นต้องจัดให้สถานศึกษาประสานสาธารณสุขในพื้นที่ใกล้บ้าน หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการเฝ้าระวังในพื้นที่ให้ความเห็นชอบ และแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ .-สำนักข่าวไทย