อย. เตือน “ซูชิเรืองแสง” อาจปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์

อย. 31 ก.ค.-อย.ชี้แจง “ซูชิเรืองแสง” อาจเกิดจากการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ เบื้องต้นได้ตรวจสอบสถานที่จำหน่ายและเก็บตัวอย่างวัตถุดิบซูชิดังกล่าวส่งตรวจวิเคราะห์แล้ว แนะผู้บริโภคไม่ควรรับประทานอาหารดิบ เพราะอาจเสี่ยงต่อการได้รับจุลินทรีย์ก่อโรค


นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (รองเลขาธิการ อย.) เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพซูชิที่มีแสงสีฟ้าสะท้อนออกมาจากตัวกุ้ง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า การเรืองแสงของกุ้งและอาหารทะเลเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ การเจริญของเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ติดมากับอาหารทะเลและสามารถผลิตสารเรืองแสงได้ โดยเชื้อจุลินทรีย์เหล่านี้จะถูกทำลายได้ด้วยความร้อน ถ้าอาหารทะเลถูกทำให้สุกก็จะสามารถทำลายจุลินทรีย์เหล่านี้ได้ แต่ถ้ายังดิบอยู่หรือไม่ได้ฆ่าเชื้อให้หมด ประกอบกับการเก็บรักษาที่อุณหภูมิไม่เหมาะสม อาจจะส่งผลให้แบคทีเรียเพิ่มจํานวนขึ้นอย่างรวดเร็วจนเรืองแสงได้

ทั้งนี้ อย. ได้กำหนดให้สถานประกอบการผลิตต้องผ่านการตรวจประเมินตามหลักเกณฑ์ (Good Manufacturing Practice, GMP) เพื่อควบคุม กำกับ ดูแล และเฝ้าระวังความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ อย. ได้ตรวจสอบสถานที่จำหน่าย และเก็บตัวอย่างวัตถุดิบรวมถึงผลิตภัณฑ์ซูชิดังกล่าวส่งตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฎิบัติการแล้ว ซึ่งหากพบการกระทำฝ่าฝืนพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


“ขอแนะนำผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารจากสถานที่จำหน่ายที่มีการเตรียมอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ มีการควบคุมอุณหภูมิระหว่างการเก็บรักษาไม่เกิน 4 องศาเซลเซียสและควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่ควรรับประทานอาหารดิบ เพราะเสี่ยงต่อการได้รับจุลินทรีย์ก่อโรค ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียรุนแรง ลำไส้อักเสบ ขณะที่ผลิตภัณฑ์อาหารในภาชนะบรรจุต้องแสดงฉลาก เช่น ชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ วันเดือนปีที่ควรบริโภคก่อน ข้อมูลการใช้วัตถุเจือปนอาหาร และข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์บนฉลาก” รองเลขาธิการ อย.กล่าว

ทั้งนี้ หากพบเห็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับความปลอดภัย สามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย.โทร.1556 หรือร้องเรียนผ่าน Oryor Smart Application หรือสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อ อย. จะดําเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กระทําผิดต่อไป .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง