เยาวราช 20 ก.ค. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์นำคณะออกตรวจเช็คร้านทองเยาวราช สร้างความมั่นใจผู้บริโภค หวั่นแนวโน้มทองสูงขึ้นอาจมีกลุ่มมิฉาชีพทำทองปลอมยัดไส้
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการพาณิชย์ เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันราคาทองคำสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยสูงสุดในรอบ 8 ปี เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา แตะบาทละ 27,000 บาท จึงเป็นสาเหตุให้ มิจฉาชีพ รวมทั้งร้านค้าออนไลน์บางแห่งใช้โอกาสนี้หลอกขาย “ทองคำปลอม” ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ทองเกรด A, ทองไมครอน, ทองโคลนนิ่ง, ทองยัดไส้ ซึ่งกระทบร้านค้าที่รับซื้อทองคำ โรงรับจำนำ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความหวั่นวิตกในการเลือกซื้อทองคำ
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อทองคำจึงได้ลงพื้นที่เยาวราชและเยี่ยมกิจการร้านค้าทองคำร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบความบริสุทธิ์ของโลหะมีค่า และทำการตรวจเช็คค่าความบริสุทธิ์ของทองคำ ทั้งทองคำแท่งและทองรูปพรรณ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยส่วนใหญ่คนไทยซื้อทองเก็บสะสมเป็นสินทรัพย์แสดงฐานะเป็นมรดกลูกหลานและเก็งกำไร โดยเลือกซื้อทองคำในรูปแบบของทองรูปพรรณและทองคำแท่งกับร้านทองที่น่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม ก่อนเลือกซื้อทองคำต้องพิจารณาให้รอบคอบ นอกจากการสังเกตตราสัญลักษณ์ Hallmark ซึ่งเป็นตราประดับที่บอกมาตรฐานความบริสุทธิ์ของโลหะมีค่าแล้ว ยังสามารถนำมาตรวจสอบหาค่าความบริสุทธิ์ของโลหะได้ที่ GIT ซึ่งการตรวจสอบทองคำปลอม หากเป็นร้านขายทองคำจะใช้การตะไบเข้าไปในเนื้อทองคำ เพื่อเช็คดูว่ามีการสอดไส้หรือไม่ แต่หากเป็นทองแท่งอาจจะมีการนำมาหุ้มหนา ๆ การตะไบไม่สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งวิธีการนี้ประชาชนและผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงห้องปฏิบัติการตรวจสอบขนาดเล็กที่มีเครื่องมือไม่ได้มาตรฐานก็ไม่สามารถตรวจสอบได้
ทั้งนี้ หากต้องการผลการตรวจสอบที่แน่ชัด แนะนำให้นำมาตรวจสอบกับ GIT เนื่องจากเป็นห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ที่มีเครื่องมือขั้นสูง สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน อย่างเช่นในกรณีนี้สามารถตรวจสอบว่าเป็นทองคำแท้หรือทองคำปลอมด้วยคลื่นอัลตราโซนิคที่ไม่ทำลายชิ้นงาน
สำหรับผู้ที่สนใจในการลงทุนทองคำ หรือเลือกซื้อทองคำ สถาบันแนะนำให้เลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับที่ผ่านการตรวจสอบและได้ใบรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ หรือเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าที่มีสัญญลักษณ์ในโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ ผ่านใบรับรอง GIT หรือที่รู้จักในชื่อโครงการ Buy With Confidence (BWC) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศไทย ซึ่งช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเข้มแข็ง อีกทั้งสามารถสอบถามเบื้องต้นผ่านแอพลิเคชั่น “CARAT” ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า จากราคาทองคำตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าราคาทองคำสัปดาห์นี้อาจปรับขึ้น หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาทิศทางราคาทองอยู่ในช่วงปรับฐาน โดยประเมินทิศทางตลาดโลกสัปดาห์หน้าจะอยู่ในกรอบ 1,775-1,845 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศอยู่ที่บาทละ 27,500 – 28,000 บาท และเชื่อว่านักลงทุนจะทำกำไรระยะสั้นได้ในช่วงนี้ ดังนั้น จึงขอแนะนำอย่าถือไว้ยาวหรือเก็บไว้นานตามที่มีนักวิชาการมองว่าราคาทองอาจสูงถึง 30,000 บาทได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์และปัจจัยภายนอกประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม จากราคาทองทั้งทองรูปพรรณและทองแท่งที่สูงขึ้นเช่นนี้ จึงเป็นช่องทางของกลุ่มมิฉาชีพทำทองปลอมและทองยัดไส้จำนวนมาก และเมื่อเร็ว ๆ นี้หลายประเทศเจอปัญหาทองแท่งยัดไส้โดยนำโลหะเพื่อเพิ่มน้ำหนักทองแท่งกันกำไรทองแท่งกัน แต่ในส่วนของประเทศไทยยังไม่เจอปัญหายัดไส้ทองแท่ง เพื่อมาขายร้านทองหรือขายให้กับผู้ซื้อ แต่ต้องเตือนประชาชนหากจะซื้อทองควรที่จะซื้อร้านทองที่น่าเชื่อถือและหากไม่มั่นใจให้สอบถามหน่วยงานภาครัฐหรือสอบถามมาทางสมาคมผู้ค้าทองคำได้ แต่ในเรื่องทองยัดไส้ โดยเฉพาะทองรูปพรรณในประเทศไทยเคยเจอเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว กลุ่มมิฉาชีพนำทองยัดไส่ไปจำนำกับโรงรับจำนำหรือผู้บริโภคที่อยากได้ทองราคาถูกกว่าท้องตลาดไปซื้อมาสุดท้ายเป็นทองปลอมหรือทองยัดไส้ ซึ่งในช่วงนั้นมีความเสียหายเกิดขึ้น 2,000-3,000 ล้านบาท และทางสมาคมค้าทองคำอยากเตือนผู้บริโภคไม่ควรสั่งซื้อทองทุกชนิดในร้านออนไลน์ทุกร้าน จะได้ทองปลอมและทองไม่ได้มาตรฐานทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย