สสส.21 มิ.ย.-รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสั่ง สสส.เดินหน้าชีวิตวิถีใหม่ต่อ หนุนงานสร้างเสริมสุขภาพ พร้อมสื่อสารประชาชน ไม่ทิ้งกลุ่มเปราะบางขาดโอกาส ยันต้องสวมหน้ากาก เพื่อป้องกันตนเอง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งปรับการทำงานของ สสส.นอกเหนือจากร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สื่อสารรณรงค์สร้างความตระหนักในช่วงแรกแล้ว ยังได้สนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับ ภาคีเครือข่าย ทำโครงการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 55 โครงการ แบ่งเป็น
1. Covid-19 Literacy ให้ความรู้ที่ถูกต้องในการป้องกัน ในกลุ่มเฉพาะ อาทิ เด็ก ผู้พิการทางสายตา การได้ยิน กลุ่มชาติพันธุ์ พระสงฆ์
2. Social Distancing สร้างแพลตฟอร์มตนแบบในการเว้นระยะห่างทางสังคม นำร่องในกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ร้านอาหาร โรงพยาบาล ผู้โดยสารรถเมล์
3. Mental Health ประสานเครือข่ายวิชาชีพในการการดูแลและป้องกันสุขภาพจิต โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ บุคลากรทางการแพทย์
4. High-Risk Support กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ พ่อค้าแม่ค้า หญิงตั้งครรภ์
และ 5.New Normal เสริมความตระหนักในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนไร้บ้าน ร้านอาหาร และบุคคลทั่วไป
“สสส.มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจกับประชาชน และคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสในสังคม ผู้ใช้แรงงานทั้งในและนอกระบบ ขณะนี้ถือว่าประเทศไทยสามารถควบคุมโรคได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ใช่เพียงความสำเร็จของกระทรวงสาธารณสุข แต่เป็นความร่วมมือร่วมใจของทุกหน่วยงาน รวมถึงแพทย์ พยาบาล อสม. และประชาชนทุกคน ที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการของภาครัฐเป็นอย่างดี ในส่วนการเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ ด้วยวัฒนธรรมไทยที่มีความใกล้ชิดกัน ในหลายเรื่องอาจจะทำได้ยาก แต่อย่างน้อยที่สุด ยังจำเป็นต้องคงการสวมใส่หน้ากาก โดยเฉพาะเมื่อออกจากบ้าน เพราะเป็นการป้องกันตนเองเบื้องต้นที่ดีที่สุด”นายอนุทิน กล่าว .-สำนักข่าวไทย