ทำเนียบฯ 19 มิ.ย.-ศบค. เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 5 ราย เป็นนักศึกษาไทยกลับจากซาอุฯ ส่งผลให้พบผู้ป่วยอันดับ 2 รองจากกลับจากคูเวต
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน วันนี้ (19 มิ.ย.) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เดินทางกลับจากต่างประเทศ อยู่ใน State Quarantine รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,146 ราย ผู้ป่วยยืนยันอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้สะสม 209 ราย ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 11 ราย ยอดผู้ป่วยรักษาหายแล้วสะสม 3,008 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 80 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ทั้งนี้ ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในเทศติดต่อกันเป็นวันที่ 23
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 5 ราย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 23-26 ปี เดินทางกลับจากซาอุดิอาระเบียถึงไทย วันที่ 12 มิถุนายน 2563 และเข้าพัก State Quarantine ที่ กรุงเทพมหานคร ทุกรายไม่มีอาการ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 16 มิถุนายน ผลตรวจพบเชื้อ โดยไฟลต์เดียวกันนี้มีผู้เดินทางเข้ามา 195 ราย ตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง คือ วันที่ 13 มิถุนายน พบ 5 ราย วันที่ 18 มิถุนายน พบ 5 ราย และวันที่ 19 มิถุนายน พบอีก 5 ราย รวมเป็น 15 ราย โดยคนไทยกลับจากซาอุดิอาระเบีย จำนวน 274 ราย พบผู้ติดเชื้อใน State Quarantine 33 ราย อัตราป่วยร้อยละ 10.22 คิดเป็นอันดับ 2 รองจากกลับจากคูเวต
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้ตรวจสอบย้อนกลับไป ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม -15 เมษายน ที่ไทยยังไม่มี State Quarantine พบผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศติดเชื้อโควิด-19 อันดับ 1.จีน 20 ราย 2.อังกฤษ 15 ราย 3.ฝรั่งเศษ 13 ราย 4.สหรัฐอเมริกา 7 ราย 5.เยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ 6 ราย 6.มาเลเซีย 5 ราย 7.เดนมาร์ก 4 ราย 8.ญี่ปุ่น 4 ราย 9.รัสเซีย 4 ราย และ 10.สิงคโปร์ 4 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ – 5 เมษายน พบผู้ติดเชื้ออันดับ 1. อังกฤษ 104 ราย 2.อินโดนีเซีย 55 ราย 3. มาเลเซีย 51 ราย 4. กัมพูชา 26 ราย และ 5. ญี่ปุ่น 16 ราย ขณะที่ คนไทยที่กลับจากต่างประเทศและเข้าพักใน State Quarantine ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ถึงปัจจุบัน พบผู้ติดเชื้อ อันดับ 1. อินโดนีเซีย 63 ราย 2.คูเวต 34 ราย 3.ซาอุดิอาระเบีย 28 ราย 4.ยูเออี 15 ราย และ 5.ปากีสถาน 13 ราย นี่คือสิ่งที่รัฐเฝ้าระวังและกักกัน จนทำให้ประเทศมีผู้ติดเชื้อลดน้อยลงและเป็นศูนย์ติดต่อกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ป่วยยืนยัน 8,578,052 ราย ป่วยเพิ่มขึ้นวันเดียว 141,744 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 5,021 ราย เสียชีวิตรวม 456,284 ราย โดยสหรัฐอเมริกาวันเดียวเกือบ 30,000 ราย รวม 2.26 ล้านราย บราซิลรายใหม่ 23,000 ราย รวม 983,000 ราย ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 91
สำหรับข่าวต่างประเทศที่น่าสนใจ คือ เยอรมนะบโควิด-19 ระบาดคนงานโรงฆ่าสัตว์ติดเชื้อกว่า 650 ราย จึงสั่งระงับปฏิบัติงานโรงงานแปรรูปเนื้อแห่งหนึ่งในเมืองกือเทอร์สโลห์ กักตัวประชาชนหลายพันรายในบ้าน ตรวจโรคคนงานมากกว่า 1,000 คน ขณะที่ อังกฤษติดเชื้อ 58 รายจากโรงฆ่าไก่ในเวลส์ 2 แห่ง ที่ส่งไก่สดไปซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารต่างๆ ในสหราชอาณาจักร จะเห็นว่า กลุ่มผู้ใช้แรงงาน โรงงานต่างๆ จะมีเรื่องของสุขอนามัย อยู่กับเนื้อสัตว์เนื้อสด มีโอกาสเกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนเชื้อโรค
“เราต้องเรียนรู้ตรงนี้ โรงงานต่างๆ ฝากผู้ประกอบการดูแลเรื่องอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตามกฎหมาย ดูเรื่องความสะอาด สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม หากไม่ต้องการให้มีการติดเชื้อ ต้องดูแลตัวเองอย่างดี ต้องช่วยกัน ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ก็ จะปลอดโรค ปลอดภัย เหมือนร่วมกันสวมหน้ากากอนามัย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย