นพ.ประสิทธิ์ จับตาตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 หลังคนออกจากบ้านมากขึ้น

ศิริราช 19 พ.ค.-คณบดีศิริราช ห่วงไม่เกินสัปดาห์ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่อาจขยับเพิ่มเพราะปัจจัย คนออกนอกบ้านมากขึ้น เจอคนเยอะ ระยะห่างทางสังคมน้อย ย้ำเดินห้างได้ แต่ต้องรู้จักสแกน QR Code “ไทยชนะ” ทั้งเข้า-ออก เพื่อเป็นข้อมูลในการสอบสวนโรค  


ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวประเมินสถานการณ์โควิด-19 ว่า เชื่อว่าขณะนี้ประเทศไทย กำลังผ่านการระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกที่ 1 ไปแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ต่ำลง (ค่าอาร์)เกิดการเริ่มคลายสัญญาณผ่อนคลายมาตรการ ที่ผ่านมาคนเก็บกด ต้องการ การพักอย่างเต็มที่ทำให้ social distancing ระยะห่างทางสังคมลดลง ปัจจัยที่จะทำให้คนกลับมาติดเชื้อจำนวนมากได้อีกครั้ง ขึ้นอยู่กับปัจจัย สัดส่วนการสัมผัสใกล้ชิดกัน (ค่าซี) และโอกาสการแพร่ กระจายของเชื้อมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่เอาพบเจอ เจอ 4 คนก็มีโอกาสติดมากกว่าการเจอคนแค่คนเดียว (ค่าพี)  ฉะนั้น เมื่อมีกิจกรรมนอกบ้าน ก้าวออกจากบ้านมากขึ้น ก็มีความเสี่ยงมากขึ้นเป็นธรรมดา วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านจะเห็นว่าคนแน่นห้างสรรพสินค้า ฉะนั้นเหลือปัจจัยเดียวที่จะสามารถป้องกันโรคได้ คือการสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งที่ผ่านมายังพบว่าคนยังใส่กันอยู่  ฉะนั้น ตรงนี้ละเลยไม่ได้

ศ.นพ.ประสิทธิ์  กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (18พ.ค.) การที่ ศบค. รายงานตัวเลขการพบผู้ป่วยติดเชื้อ 3 คน โดย 2 คนมาจาก จ.นนทบุรี แต่ทำงานในกทม. นั้น เรื่องนี้ต้องมีการสอบสวนโรคให้ดี  ว่ามีการเจอผู้คนใครมาบ้าง ต้องไล่ตามดู เพื่อให้ได้ข้อมูลและเกิดการควบคุม เพราะมิเช่นนั้น คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่จะเพิ่มขึ้น 2 หลักแน่นอน ฉะนั้นการผ่อนคลายมาตรการ ความเสี่ยงก็ย่อมเกิดขึ้น ทุกคนต้องช่วยกัน การเปิดห้างสรรพสินค้าใน 2 วันที่ผ่านมา คนไปใช้บริการจำนวนมาก  ก่อนเข้า แม้จะมีการให้ประชาชนที่มาใช้บริการ ต้องสแกนQR Code (คิวอาร์โค้ด) “ไทยชนะ” ก่อนเข้าห้างและการรับบริการภายในห้าง ร้านค้าต่างๆ ทำได้ดีแต่ก็ยังมีปัญหา บางคนลืมสแกนคิวอาร์โค้ดออก  ข้อมูลตรงนี้มีความสำคัญมากในการสอบสวนโรค หากละเลยทำไม่ถูกขั้นตอน จะทำให้การสอบสวนโรคทำได้ยาก


ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เทคโนโลยีเข้ามามีประโยชน์ในการควบคุมโรค หรือสอบสวนโรค แต่สิ่งสำคัญที่ช่วยได้มากๆ คือ ระยะห่างระหว่างบุคคล และการสวมหน้ากากอนามัย ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และตัวห้างสรรพสินค้าเองก็ควรมีเจ้าหน้าที่แบบเคลื่อนที่เร็วคอยติดตามดูแลคนที่อาจแน่นในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ เว้นระยะห่าง พร้อมยกตัวอย่างบทเรียนในประเทศเกาหลีใต้ มีการใช้แอปพลิเคชัน ติดตามประชาชน หลังพบการติดเชื้อโควิด -19 ระลอก 2 โดยพบว่าการเคร่งครัดลงทะเบียนสแกนข้อมูล มีผลอย่างมากในการติดตามตัวผู้ป่วยได้ครบและสอบสวนอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นประเทศไทยเอง แม้ไม่เคยชิน และยังต้องเรียนรู้เทคโนโลยี และบางครั้งเทคโนโลยีอาจไม่เสถียร แต่เชื่อไม่ยากเกินปรับตัว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง