กรุงเทพฯ 5 พ.ค.- ความคืบหน้ากรณีหญิงวัย 50 ปี ผูกคอเสียชีวิตในบ้านพักเขตคลองเตย โดยมีกระแสข่าวว่าเครียดไม่ได้เงินชดเชยประกันสังคมจึงก่อเหตุ วันนี้ญาติชี้แจงว่า น่าจะมาจากความเครียดและโรคซึมเศร้าที่ป่วยอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่เจ้าของบริษัทธุรกิจอาหารญี่ปุ่น ชี้แจงจ่ายเงินชดเชยแล้วตามอัตราปกติ 75% แก่ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นพนักงานล้างจาน จึงไม่เข้าข่ายตามมาตรา 33 ที่จะได้รับเงินเยียวยาจากประกันสังคมอีก
วันนี้ ทีมข่าวสำนักข่าวไทย อสมท ลงพื้นที่วัดคลองเตยใน สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ พูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต โดย น.ส.ประไพ ยอดประดิษฐ์ อายุ 70 ปี น้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่และบริษัทร้านอาหารญี่ปุ่นที่หลานทำงาน มาที่บ้านและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้แจงรายละเอียดว่า ทางบริษัทจ่ายเงินชดเชยตามอัตราปกติ 75% ไม่ได้จ่ายเต็ม 100% แก่ผู้เสียชีวิต เพื่อเยียวยาการถูกเลิกจ้างในช่วงโควิด-19 จึงไม่เข้าข่ายที่จะได้รับเงินประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่งหลานผู้เสียชีวิตไม่ได้เล่าเรื่องเงินชดเชยให้ทางครอบครัวฟัง จึงเกิดความไม่ชัดเจน อีกทั้งปกติ ผู้ตายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด มีอาการซึมเศร้า หลังหยุดทำงานจึงเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร เคยบ่นว่าเบื่อที่ไม่ได้ทำงาน อาศัยช่วงไม่มีคนอยู่บ้าน ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต
ด้านสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้ตายทำงานอยู่นั้น ออกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงว่า หลังตรวจสอบข้อมูลของนายจ้าง ปรากฏว่าบริษัทมีการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้ประกันตน คือ ผู้ตาย ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ดังนั้น จึงไม่ผ่านหลักเกณฑ์การขอรับเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีว่างงานเหตุสุดวิสัย
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีผู้เสียชีวิต คือ ค่าทำศพ 40,000 บาท เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 27,800 บาท และเงินบำเหน็จชราภาพกรณีเสียชีวิต 30,777 บาท ให้ทายาท หรือญาติที่ผู้ประกันตนระบุ รวมเงินชดเชยทั้งหมด 98,577 บาท.-สำนักข่าวไทย