ก.แรงงาน 30 เม.ย.-ก.แรงงาน ร่วมกับ จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างการรับรู้วิธีป้องกันและรักษาสุขภาพให้นายจ้าง ลูกจ้าง ในสถานประกอบการและแคมป์คนงาน ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว
นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโรคโควิด -19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ว่า ขณะนี้กระทรวงได้กำชับหน่วยงานในสังกัด นำโดยแรงงานจังหวัด จัดหางานจังหวัด สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่แต่ละจังหวัดเพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ในกลุ่มต่างด้าว ซึ่งหลายพื้นที่กำลังดำเนินการอยู่อย่างเข้มงวด
ล่าสุดได้รับรายงานจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์แก้ไขการแพร่ระบาดโรคโควิด–19 (COVID -19) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความห่วงใยเรื่องสุขภาพอนามัยในแคมป์คนงานก่อสร้างในช่วงการแพร่ระบาดของโรค ได้สั่งการให้มีการบูรณาการหน่วยงานในจังหวัด ได้แก่แรงงานจังหวัด จัดหางานจังหวัด สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด เทศบาลเมืองอโยธยา กอ.รมน.จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่นายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการก่อสร้างและแคมป์คนงานก่อสร้าง
ทั้งนี้ ในระหว่างวันที่ 22-27 เม.ย.63 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้บูรณาการร่วมกัน ดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยการแนะนำและเจกเอกสารวิธีป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เบื้องต้นด้วยตนเอง ติดป้ายไวนิลประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ 4 ภาษา ได้แก่ ไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา
พร้อมทั้งได้มอบเอกสาร หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ ตลอดจนสุ่มตรวจคนงานโดยใช้ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19(Repid Test) ให้แก่ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน 10 แห่ง และแรงงาน จำนวน 581 คน แยกเป็น แรงงานไทย จำนนวน 315 คน แรงงานต่างด้าว จำนวน 266 คน แบ่งเป็นสัญชาติเมียนมา 114 คน ลาว 5 คน และกัมพูชา 147 คน ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพที่พักอาศัยของคนงานส่วนใหญ่ยังไม่ถูกสุขอนามัย โดยเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นจะได้มีการแนะนำและติดตามต่อไป.-สำนักข่าวไทย