“จิรายุ”แฉกองทุนประกันสังคมไส้แห้งจ่ายโควิดช้า

กรุงเทพฯ 30 เม.ย. –“จิรายุ” แฉเหตุกองทุนประกันสังคมจ่ายเงินช่วยโควิดช้า เพราะไส้แห้ง หลังพบนำไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทองคำและลงทุนเสี่ยง จนไม่กล้าขายมาคืนกว่า 2 ล้านล้านบาท


นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การมหาชนและกองทุน เปิดเผยว่า  ได้รับการร้องเรียนเรื่องความล่าช้าและเงื่อนไขยุ่งยากในการรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนประกันสังคม โดยผู้ประกันตนที่ถูกหักเงินทุกเดือนว่าเป็นเงินของตนเองทั้งสิ้น ที่ฝากเข้าสมทบกับกองทุน ทุกเดือนที่คนจำนวนมากไม่เคยใช้เงินกองทุนแม้แต่บาทเดียว โดยผู้จ่ายเงินประกันตนระบุว่าเงินประกันสังคม ขอคืนไม่ใช่ขอทาน โดยผู้จ่ายเงินไม่มั่นใจและสงสัยว่าสำนักงานกองทุนประกันสังคมได้นำเงินของกองทุนไปใช้อย่างไร จึงดูเสมือนว่ากองทุนไม่มีเงินจะช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 เพราะมีขั้นตอนซับซ้อนและล่าช้ากว่าประชาชนทั่วไปทั้ง ๆ ที่ผู้ประกันตนมีข้อมูลอยู่แล้ว

“จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเดือนมีนาคม 2563 มีผู้อยู่ในระบบกองทุนประกันสังคมประมาณ 1.2 ล้านคน และมีเงินกองทุนอยู่ถึงกว่า 2.1 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ จำนวนมาก อาทิ เอาเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากถึง 1.5 ล้านล้านบาท มีลักษณะคล้าย “อัฐยายซื้อขนมยาย” ถึงร้อยละ 68 ที่เหลือนำไปซื้อหุ้นกู้เอกชนประมาณ 1 แสนล้านบาท ลงทุนในตราสารในประเทศกว่า 2 แสนล้านบาท ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และตลาดทองคำประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือสำนักงานประกันสังคมนำไปฝากธนาคารและลงทุนในตราสารทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่มีความเสี่ยงสูงประมาณแสนกว่าล้านบาท” นายจิรายุ กล่าว


นายจิรายุ กล่าวว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกองทุนฯ มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินและพิจารณาสถานะ ของกองทุนต่าง ๆ ทำหนังสือสอบถามไปยังผู้บริหารสำนักงานกองทุนประกันสังคม ว่าเหตุใดจึงเกิดความล่าช้า ทั้ง ๆ ที่ตัวเลขผู้ประกันตนมีอยู่ประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งหากให้ความช่วยเหลือเพียงคนละ 7,000 บาท ซึ่งจะใช้เงินเพียง 8,000 กว่าล้านบาท รัฐบาลจ่าย 3 เดือน ใช้เงินประมาณ 24,000 ล้านบาทแค่ 2% ของเงินกองทุนทั้งหมด กองทุนประกันสังคมไม่น่าจะล่าช้าและมีขั้นตอนซับซ้อนเหมือนกรณีเงิน 5 พันบาท ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขและอธิบายให้ชัดเจนว่าที่ล่าช้าเป็นเพราะเหตุใด ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องง่าย หรือเป็นเพราะนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และลงทุนอื่น ๆ จนหมดใช่หรือไม่ ขณะนี้หุ้นตก ราคาต่ำจึงไม่กล้าถอนเงินนำเงินของเขามาคืนหรืออย่างไร ซึ่งหลังจากกองทุนชี้แจงเป็นเอกสารแล้วจะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาดำเนินการทันที.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง