กรมควบคุมโรค 22 เม.ย.-ปีนี้กรมควบคุมโรค ร่วมกับ สปสช.รณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น จากเดือน มิ.ย.เป็น พ.ค.เพื่อช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ อีกทั้งยังมีสถานการณ์ของโรคโควิด-19
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ประกอบกับช่วงนี้มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19) ซึ่งเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่อาจเกิดความสับสนในการวินิจฉัยและการดูแลรักษา ในปีนี้กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงมีการรณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น จากเดือนมิถุนายนเป็นเดือนพฤษภาคม เพื่อจะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ทันต่อสถานการณ์
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ที่ติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง(น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ) ของผู้ป่วย ผ่านการไอหรือจามรดกัน โดยหลังจากได้รับเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อมากและปวดศีรษะ อ่อนเพลีย แต่สามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน สำหรับกลุ่มเสี่ยง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดบวม หายใจลำบาก และอาจทำให้เสียชีวิตได้
สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ถึง 13 เม.ย.63 มีรายงานผู้ป่วย 95,994 ราย สูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ 0-4 ปี รองลงมาคือ อายุ 10-14 ปี และ 7-9 ปี ซึ่งเป็นอายุที่อยู่ในกลุ่มวัยเรียน
ทั้งนี้ กรมควบควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการรณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ประจำปี 2563 ในระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม 2563 จำนวน 4.11 ล้านโด๊ส เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงที่หากป่วยแล้วอาจจะมีอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิต โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และสำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3. บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 4.โรคอ้วน (น้ำหนัก>100 กิโลกรัม หรือBMI>35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) และ 7. ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน)
ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง สามารถขอรับบริการวัคซีนได้ ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามวันและสถานที่ดังกล่าว
สำหรับประชาชนควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก เช่น ห้างสรรพสินค้าและตลาด ซึ่งในช่วงนี้ควรงดจัดกิจกรรมและงานการแสดงต่างๆ และป้องกันตัวเองโดยยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ได้แก่ ปิด คือปิดปากและปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า หรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่นกลอนประตู ลูกบิด ราวบันได เลี่ยง คือหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย
หยุดคือเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน แม้จะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากมีอาการข้างต้นให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา ที่สถานพยาบาล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 .-สำนักข่าวไทย