กรุงเทพฯ 7 เม.ย. – ทส.ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าดอยสุเทพ-ปุย มั่นใจดับสนิทวันนี้ แต่เชียงรายและลำปางยังน่าห่วง สัปดาห์นี้จับผู้ต้องหาเผาป่าเพิ่ม 4 ราย
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการดับไฟป่าและรายงานสถานการณ์เป็นรายวัน ขณะนี้สถานการณ์โดยรวม 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนดีขึ้น จุดความร้อน (Hot Spot) ลดลง มีเฉพาะจังหวัดเชียงรายและลำปางที่เพิ่มขึ้น ผลการเฝ้าระวังและควบคุมไฟป่า 24 ชั่วโมงทำให้ จุดความร้อน 357 จุด เพิ่มเพียง 6% จากวันก่อนหน้า การดับไฟมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยดับไฟได้ 158 จุด เพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 60% เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการดับไฟและเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ไม่มีจุดความร้อนเป็นวันที่สามแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชรวม 200 นาย ดับไฟที่ค้างใน 7 พื้นที่ให้สนิทไปถึง 80% ส่วนอีก 20% จะพยายามดับให้สนิทวันนี้ (7 เม.ย.) ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการไว้ จากนั้นจะเฝ้าระวังต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ไฟลุกโหมขึ้นใหม่
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า จำนวนคดีไฟป่าตั้งแต่ 30 มีนาคม- 6 เมษายน เพิ่มขึ้น 58 คดี โดยจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่ม 4 คน ได้แก่ นายอาเจ เมอแลกู่ อายุ 51 ปี อยู่หมู่ 10 ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย นายละกอ จะหยี นายจะใหม อ้ายแส และนายจะฟะ จะคา บ้านป่าคี หมู่ที่ 10 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ รวมคดีสะสมในปี 2563 ถึง 508 คดี
สำหรับจังหวัดลำพูน กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ และอุทัยธานี สถานการณ์ดีไม่มีจุดความร้อนในพื้นที่ป่าเป็นผลจากการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด การใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ตลอดจนการจัดชุดเจ้าหน้าที่ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองเข้าทำความเข้าใจในชุมชนที่อยู่ติดกับป่า ล่าสุดได้สั่งการให้สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ทุกแห่งให้มอบหมายหน่วยงานในสังกัดสำรวจตรวจสอบหลังจากพ้นช่วงฤดูไฟป่า หากพบมีบุคคลใดเข้าไปปรับพื้นที่เพื่อทำกินในบริเวณพื้นที่ป่าธรรมชาติที่ถูกไฟไหม้หรือบุคคลใดที่อาศัยทำกินในเขตป่าแล้วขยายพื้นที่เกินกว่าที่ทำกินอยู่เดิม ให้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดและไม่ให้ได้รับสิทธิในการขอเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินเขตป่าไม้ตามมาตรการของโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยตัดสิทธิ์การจัดที่ดินทำกินเดิมด้วย ทั้งนี้ขอให้ประสานนายอำเภอ ผู้ปกครองท้องที่ และประชาสัมพันธ์ให้ทุกชุมชนในพื้นที่รับผิดชอบรับทราบและถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังเพื่อดับไฟป่าให้หมด แต่ยังมีผู้ลักลอบเผาป่าทั้งเพื่อล่าสัตว์ ขยายที่ทำการเกษตร ขยายการขอเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าซึ่งทำให้ทรัพยากรธรรมชาติเสียหายร้ายแรงและก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพประชาชนจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาด แต่ขณะนี้เกิดกระแสตำหนิติเตียนเจ้าหน้าที่ทั้งในโซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ตลอดจนประเด็นการบริจาคเงินและสิ่งของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ตั้งใจสนับสนุนการทำงานดับไฟป่า หากมีความไม่เข้าใจใดๆ ขอให้มาพูดคุยหารือกันภายหลัง สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้คือ การเร่งดับไฟป่าทุกพื้นที่ให้สนิท ในสถานการณ์วิกฤตินี้ ขออย่าวิพากย์วิจารณ์กันไปโดยไม่ทราบข้อเท็จจริงซึ่งจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าซึ่งทำงานหนักอยู่แล้ว ทำงานได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก.-สำนักข่าวไทย