โควิด-19 พ่นพิษ กระทบจีดีพีไทยหายไป 1 % มากสุดในเอเชีย

ตลท. 5 มี.ค.  – ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) และ ทีดีอาร์ไอ หั่นจีดีพีไทยเหลือโต 1.8 %   หลังโควิด-19 พ่นพิษ กระทบจีดีพีไทยหายไป 1 % มากสุดในเอเชีย  คาดเฟดและ กนง. ลดดอกเบี้ย กระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ขอคลังแยกวงเงินกองทุน SSF ออกจาก RMF


นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) กล่าวในการสัมนา FETCO Capital Market Outlook Growth Engines and Opportunities in Capital Market 2020 ว่า ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือโต 1.8 % จากเดิมโต 3 %  เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 กระทบจีดีพีไทยหายไปถึง 1 % ซึ่งมีมากที่สุดในเอเชีย  และอัตราเติบโตที่ 1.8 % เป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพที่เศรษฐกิจไทยควรเติบโตได้ 4 % โดยประเทศไทยได้รับผลกระทบในภาคการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ และ ภาคการท่องเที่ยว  ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกเติบโต 3 % ลดลงจากเดิมที่คาดว่าโต 3.3 % เป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 จากผลกระทบโควิด-19  ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ธนาคารกลางหลายชาติประกาศลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นำโดยธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) ที่ลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.50 % และ มีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในการประชุมวันที่ 17-18 มีนาคมนี้ และ เดือนเมษายน 2563 ครั้งละ 0.25 % ทำให้ดอกเบี้ยสหรัฐลงมาอยู่ที่ 0.75 % ขณะเดียวกันคณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง.) จะลดดอกเบี้ย 0.25 % ในวันที่ 25 มีนาคม นี้ ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายลงมาต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75 % 

“สถานการณ์ตอนนี้ประเทศไทยต้องใช้ทุกมาตรการ ทั้งการเงิน การคลัง ต้องใช้ทุกอย่างที่มีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะโควิด-19 กระทบประเทศไทยมากที่สุดในเอเชีย ทำให้เงินบาทจากที่เคยแข็งค่ากลับมาอ่อนค่า” นายทิม กล่าว


ด้านนางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ( ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวไม่ถึง 2 %  โดยในไตรมาส 1 จีดีพีจะติดลบ และ คาดว่าไตรมาส 4/63 จึงจะฟื้นตัวได้ปกติ โดยภาคการท่องเที่ยวจะหดตัว 8-10 % ส่วนการส่งออกติดลบ 1-2 % จากผลกระทบโควิด-19 ซึ่งคาดว่า ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) และ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25 % ในการประชุมเดือนนี้ เพื่อประคองเศรษฐกิจ 

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารโลก กล่าวว่า ธนาคารโลกอยู่ระหว่างการปรับลดจีดีพีไทย จากเดิมคาดว่าโต 2.7 % ในปีนี้ และ 2.8 % ในปี 2564  เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 กระทบทั้งเอเชียและยุโรป  ซึ่งผลกระทบต่อประเทศไทยจะเห็นชัดเจนในไตรมาสแรก ดังนั้นคาดว่าจีดีพีไตรมาสแรกปีนี้หดตัวแน่นอน อย่างไรก็ตามมองว่ารัฐบาลยังสามารถใช้นโยบายการคลังในการดูแลเศรษฐกิจที่ถูกกระทบได้ เพราะหนี้สาธารณะของไทยยังต่ำ 


นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ซึ่งรัฐบาลอาจจะมีการแยกวงเงินแยกวงเงินลดหย่อน SSF ออกจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) , กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.),กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น ที่กำหนดเพดานสูงสุด 500,000 บาท โดยควรกำหนดช่วงเวลาในการซื้อกองทุนที่จะได้สิทธิทางภาษี โดยซื้อภายในเดือน มิ.ย.ปีนี้ หรือไตรมาส 2 นี้ โดยเป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ตลาดหุ้นโดยเร็ว ช่วยให้ดัชนีสะท้อนภาพความเป็นจริง เพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมากเกินไป  

นายไพบูลย์กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยยังมีความจำเป็นในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างน้อยก็ช่วยลดภาระหนี้สินได้ แต่กนง.อาจไม่ต้องลดถึง 0.5% เหมือนเฟด เพราะดอกเบี้ยนโยบายไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 1% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำมาก เราควรเก็บกระสุนไว้ด้วย ไม่ควรเร่งรีบ . – สำนักข่าวไทย 

     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน