“พาณิชย์” เร่งผลักดันการค้าลงทุนไทย-ฮ่องกง

เปรู 13 พ.ย.-“พิชัย” รมว.พาณิชย์ เร่งผลักดันการค้า การลงทุน ระหว่างไทย-ฮ่องกง เผยฮ่องกงมองไทยเป็นศูนย์กลางซัพพลายเชนสินค้า พร้อมดึงการลงทุน AI-โรบอต-เซมิคอนดักเตอร์ ควบคู่กับการโปรโมต Soft Power ผ่าน “ลิซ่า-มวยไทย”

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือทวิภาคีกับนายแอลเจอร์นอน เยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ฯ ฮ่องกง ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปค และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู


นายพิชัย กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับฮ่องกง โดยเฉพาะในด้านสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูงในตลาดฮ่องกง รวมถึงการส่งเสริมสินค้าและบริการผ่าน Soft Power ที่ไทยเดินหน้าประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะการจัดคอนเสิร์ตศิลปินไทยในฮ่องกง อาทิ LISA และ Thai Pop Concert ในปลายปีนี้ รวมถึงการจัดการแข่งขันมวยไทยที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวฮ่องกง

“ไทยยังได้ผลักดันบทบาทของประเทศในฐานะ “ครัวโลก” เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับฮ่องกง ซึ่งไทยมีสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวฮ่องกงที่ใส่ใจสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งปัจจุบันฮ่องกงซื้อข้าวจากไทย 60% ซึ่งตนขอให้ซื้อเพิ่มเป็น 80% ทางฮ่องกงก็รับปาก รวมถึงผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช ผลไม้ไทยก็ได้รับความนิยมในตลาดฮ่องกงมาอย่างยาวนาน เชื่อว่าหลังจากนี้การค้าการลงทุนกับฮ่องกงจะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ฮ่องกงยังอยากให้ไทยใช้ฮ่องกงเป็นทางผ่านไปสู่จีนมากขึ้น” นายพิชัย กล่าว


นอกจากนี้ยังได้เชิญชวน SMEs และบริษัทฮ่องกงมาลงทุน รวมทั้งมาตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย โดยชูจุดแข็งทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า และมาตรการจูงใจทั้งการยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งสอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2024 ของฮ่องกงที่ส่งเสริมให้ SMEs ขยายการลงทุนไปต่างประเทศ

ทั้งนี้ ในปี 2566 ฮ่องกงเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 13 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ารวม 13,708 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 7 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปยังฮ่องกง 11,096 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ ในขณะที่ฮ่องกงเป็นแหล่งนำเข้าลำดับ 25 ของไทย มีมูลค่าการนำเข้าจากฮ่องกง 2,612 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอยอัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องประดับอัญมณี เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์.-517.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก