กรุงเทพฯ 6 ก.พ.- แกนนำ นปช.ทยอยมาศาล หลังศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีบุกบ้าน “ป๋าเปรม” เช้านี้ ระบุเป็นเสียงเดียวกัน “ยอมรับคำตัดสิน”
ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 , นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำ นปช. และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. จำเลย ที่ 1 / และ จำเลย ที่ 4-7 รวม 5 คน ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ , ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง , 215 , 216 , 297 , 298 ประกอบมาตรา 33 , 83 , 91 ส่วน จำเลยที่ 2 และ 3 คือ นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน , นายวันชัย นาพุทธา ศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ ยกฟ้องไปก่อนหน้านี้
จากกรณี เมื่อวันที่ 22 ก.ค.50 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำผู้ชุมนุมหลายพันคน จากเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ จากสนามหลวง ไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อเรียกร้องกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการต่อสู้ขัดขวางของเจ้าพนักงาน ซึ่งนายนพรุจ จำเลยที่ 1 ได้ใช้ ไม้เสาธง ตีประทุษร้ายร่างกาย ตำรวจ บาดเจ็บสาหัส 1 นาย
คดีนี้ศาลเคยนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 ก.ย.62 แต่ปรากฏว่า นายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูเเถลง และนพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม ที่เคยปฏิเสธขอต่อสู้คดี และยื่นคำให้การใหม่ขอให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี เพื่อหวังให้ศาลลงโทษสถานเบา ส่วนนายนพรุจ จำเลยที่ 1 ยังคงยืนยันให้การปฏิเสธ จึงต้องส่งสำนวนกลับไปให้ศาลฎีกาพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
ด้าน นายวีระกานต์ ระบุว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไรก็ต้องยอมรับคำตัดสิน ส่วนประเด็นที่พวกตนเองกลับคำให้การนั้น ก็เพราะเป็นความหวังของผู้ต่อสู้คดีทุกคนที่จะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และได้รับการลดโทษ ส่วนจะได้รับการลดโทษหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้ฝากถึงพี่น้อง นปช. ที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆให้ต่อสู้อย่างสันติวิธี
ขณะที่ นพ.เหวง ระบุว่า บนเส้นทางการต่อสู้ย่อมรู้ดี ว่า มีผลลับแค่ 2 อย่าง คือแพ้หรือชนะ หากชนะ ประชาธิปไตยก็จะแข็งแรง บ้านเมืองก็จะเจริญ แต่หากแพ้ คนที่อยู่ในกระบวนการต่อสู้ก็ต้องเผชิญอยู่ 2 อย่าง ไม่ติดคุก ก็ ตาย ซึ่งผลคำพิพากษาจะออกมาแบบไหน ก็พร้อมยอมรับ
นาย ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแกนนำมีการปรึกษาหารือ และได้มีการกลับคำยอมรับสารภาพในชั้นศาลฎีกา ยืนยัน การต่อสู้ที่ผ่านมาของกลุ่ม นปช. ไม่มีเจตนาให้ ให้เกิดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ และบานปลายทำให้เกิดความเสียหาย แล้ววันนี้มาฟังคำพิพากษา มีอยู่ 2 อย่างคือ ได้กลับบ้าน และ ใช้ชีวิตเช่นคนไร้อิสรภาพ จึงไม่ได้วิตกกังวล แต่เป็นการยอมรับความจริง. ยืนยันจุดยืนทางการเมือง ยังเหมือนเดิมคือไม่ยอมรับรัฐประหาร เรียกร้องให้เกิดประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.58 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำคุกนายนพรุจ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ฯ ส่วนนายวีระกานต์ , นายณัฐวุฒิ , นายวิภูแถลง และนพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 จำคุกคนละ 4 ปี 4 เดือน ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ เจ้าพนักงานฯ และให้ยกฟ้อง นายวีระศักดิ์ และนายวันชัย จำเลยที่ 2-3 พร้อมให้ริบของกลางทั้งหมด
ต่อมา 10 มกราคม 60 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า 4แกนนำ นปช.” จำเลยที่ 4-7 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ให้จำคุกคนละ 1 ปี และมีความผิดฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายโดยเป็นหัวหน้าสั่งการ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกคนละ 4 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 2 ปี 8 เดือน ส่วนของ “นายนพรุจ ” อดีตแกนนำพิราบขาว จำเลยที่ 1 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลย ที่ 2และ 3 ยกฟ้อง ซึ่งจำเลยทั้งหมด ได้ประกันตัว โดยศาลตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ .-สำนักข่าวไทย