กรุงเทพฯ 6 ก.พ.-ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษา นปช.บุกบ้านป๋าเปรม เหตุ “นพรุจ” ไม่มาศาล นัดครั้งต่อไป 30 เม.ย.นี้
ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 , นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำ นปช. และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. จำเลย ที่ 1 / และ จำเลย ที่ 4-7 รวม 5 คน ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ , ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง , 215 , 216 , 297 , 298 ประกอบมาตรา 33 , 83 , 91 ส่วน จำเลยที่ 2 และ 3 คือ นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน , นายวันชัย นาพุทธา ศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ ยกฟ้องไปก่อนหน้านี้
จากกรณี เมื่อวันที่ 22 ก.ค.50 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำผู้ชุมนุมหลายพันคน จากเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ จากสนามหลวง ไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อเรียกร้องกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการต่อสู้ขัดขวางของเจ้าพนักงาน ซึ่งนายนพรุจ จำเลยที่ 1 ได้ใช้ ไม้เสาธง ตีประทุษร้ายร่างกาย ตำรวจ บาดเจ็บสาหัส 1 นาย
คดีนี้ศาลเคยนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 ก.ย.62 แต่ปรากฏว่า นายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูเเถลง และนพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม ที่เคยปฏิเสธขอต่อสู้คดี และยื่นคำให้การใหม่ขอให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี เพื่อหวังให้ศาลลงโทษสถานเบา ส่วนนายนพรุจ จำเลยที่ 1 ยังคงยืนยันให้การปฏิเสธ จึงต้องส่งสำนวนกลับไปให้ศาลฎีกาพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
หลังศาลฎีกา ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว จำเลยที่4-7ซึ่งเป็นแกนนำ นปช.ทั้ง 4 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษาครบ แต่นายนพรุจ จำเลยที่1 ไม่ได้เดินทางมาศาล เมื่อสอบถามนายประกัน ซึ่งเป็นภรรยา ของนาย ณัฐวุฒิ จำเลยที่ 6 แจ้งว่า ไม่เคยรู้จัก หรือเกี่ยวข้อง กับจำเลย แต่ช่วยเป็นนายประกันให้ เพราะเห็นว่าไม่มีใครไปช่วยประกัน. และเจอกันเฉพาะที่ศาล เท่านั้น. ขณะที่การส่งหมาย ศาล ไปยังภูมิลำเนา ของจำเลย ที่ 1 ที่ อ.ท่างิ้ว จ. นครศรีธรรมราช พบว่า มีการย้ายที่อยู่ จึงไม่สามารถส่งหมายได้
ศาลจึงให้พนักงานอัยการซึ่งเป็น โจทก็ ไปสืบหาที่อยู่ของจำเลยที่ 1 ภายใน 15 วัน และ เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ออกไปเป็นวันที่ 30 เม.ย.เวลา 09.00 น..-สำนักข่าวไทย