อภ.เร่งปั๊มยาต้าน HIV และไข้หวัดใหญ่ รองรับโคโรนาอู่ฮั่น

5 ก.พ.-องค์การเภสัชกรรม เร่งผลิตยาต้านไวรัสเอดส์และยารักษาไข้หวัดใหญ่ เพื่อรองรับความต้องการหลัง รักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้ผลดี


นายแพทย์วิฑูรย์  ด่านวิบูล  ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.)  และเภสัชกรหญิง มุกดาวรรณ ประกอบไวทยกิจ   รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม  ระบุว่า ขณะนี้ องค์การเภสัชกรรม  ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์  (ริโทนาเวีน-โรปิลิโท) เพิ่มขึ้นจากที่เคยผลิตอีก 4 หมื่นขวด  บรรจุขวดละ 120 เม็ด  หรือ เท่ากับผลิตเพิ่มขึ้น 4 ล้าน 8 แสนเม็ด เพื่อสำรองไว้ใช้กับผู้ป่วยอื่น ๆ ส่วนผู้ป่วยเอดส์ปัจจุบันใช้ยาชนิดนี้ 53,000 คน   ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ผลิตนำเข้าจากประเทศอินเดีย  ส่วนยารักษาไข้หวัดใหญ่ (โอเซลทามิเวียร์) ช่วงนี้ผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อสำรองไว้อีก 2,500 กล่องต่อสัปดาห์   รวมเป็น 3,600 กล่องต่อสัปดาห์   โดยจีน กัมพูชาและมาเลเซีย ติดต่อขอซื้อยาต้านไวรัสเอดส์ จากไทยด้วย   มั่นใจยาทั้ง 2 ชนิดเพียงพอต่อความต้องการใช้ของผู้ป่วย


ส่วนปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน    ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม  บอกว่าทั้งประเทศ มีบริษัทเอกชนที่ผลิตหน้ากากอนามัย 14 แห่ง  และทุกวันบริษัทจะนำหน้ากากอนามัยมาส่งให้เพื่อกระจายไปยังหน่วยงานที่มีความต้องการใช้  ได้แก่ โรงพยาบาลต่าง ๆ  / กองกลางสำหรับบุคลากรทางการแทพย์ และจำหน่ายให้กับประชาชน    ยอมรับว่าภาวะปกติก่อนเกิดการระบาดของเชื้อโคโรนา  หน้ากากอนามัยมีความต้องการใช้ไม่ถึงหมื่นชิ้น  แต่หลังมีการระบาดของเชื้อ  ประชาชนมีความต้องการใช้หน้ากากอนามัยเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว องค์การเภสัชกรรม จึงมีแนวคิดนำหน้ากากอนามัย ที่ปกติจำหน่ายยกกล่องละ 50 ชิ้น ราคา 46 บาท  มาแยกบรรจุซอง ๆ ละ 10 ชิ้น เพื่อให้ทั่วประชาชนมากขึ้น   อย่างไรก็ตามจะมีการปรับสัดส่วนการกระจายหน้ากากอนามันทุกวัน   

โดยพรุ่งนี้(6ก.พ.) เวลา 09.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีกองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และองค์การเภสัชกรรม จะประชุมร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย เช่นเดียวกับเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ  ปกติองค์การเภสัช จำหน่าย ปีละ 8 หมื่นหลอด แต่ปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มขึ้น จึงต้องสต๊อกให้ได้เดือนละ 5 แสนหลอดเพื่อให้เพียงพอ ซึ่งเจลล้างมือจะมี 3 ขนาด  ราคาก็ต่างกัน  เช่น  ขวดใหญ่แบบหัวปั๊ม ขนาด 450 กรัม จำหน่ายขวดละ 70 บาท แบบหลอด ขนาด 400 กรัม จำหน่ายหลอดละ 69 บาท และหลอดกเล็ก ขนาด 50 กรัม จำหน่ายหลอดละ 24 บาท      


อย่างไรก็ตาม มีทางเลือกให้กับประชาชนที่หาซื้อเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไม่ได้  ทางองค์การเภสัชกรรม  มีแอลกอฮอล์เหลวแบบเดียวกับที่ไว้เช็ดทำความสะอาดแผลสด   จำหน่าย สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีเหมือนกัน โดยประชาชนที่ต้องการซื้อหน้ากากอนามัย  และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สามารถไปรับบัตรคิดเพื่อซื้อได้ 2 รอบ คือ 08.00 น. และ 11.00 น.  แต่จำกัด หน้ากากอนามัยคนละ 1 กล่อง และ เจลแอลกอฮอล์ล่างมือ คนละ 2 หลอดเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้สินค้ากระจายทั่วถึง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง