กพท.ออกประกาศสั่งสายการบินตรวจป้องกันไวรัสโคโรนาตั้งแต่ต้นทาง

กรุงเทพฯ 28 ม.ค. – กพท.ออกประกาศฉบับที่ 3 สั่งสายการบินตรวจป้องกันไวรัสโคโรนาตั้งแต่ต้นทาง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ลงนามในประกาศมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ฉบับที่ 3 แจ้งให้ผู้ประกอบการสายการบินรับทราบ โดยมีสาระสำคัญดังนี้ 

1. ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศหรือสายการบิน ทำการตรวจคัดกรองเบื้องต้น ณ สถานีต้นทาง ในพื้นที่ที่มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อ โดยการสังเกต หากพบผู้โดยสารมีอาการไข้หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ ณ สถานีต้นทางนั้นทันที หากการวินิจฉัยเห็นว่ามีความเสี่ยง ให้งดการออกบัตรขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) แก่ผู้โดยสารนั้น


2. ในกรณีสายการบินมีเที่ยวบินจากพื้นที่ที่มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อ ตรวจพบระหว่างการเดินทางมาประเทศไทยว่า มีผู้โดยสารที่มีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้ผู้ประจำหน้าที่ในอากาศยานแจ้งข้อมูลการตรวจพบดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศทราบ เพื่อรายงานให้แก่ท่าอากาศยานปลายทาง พร้อมทั้งกรอกรายละเอียดลงในแบบฟอร์มดังต่อไปนี้ ส่งให้เจ้าหน้าที่ ณ ช่องทางเข้าออกประเทศ ณ ท่าอากาศยานทุกแห่ง 2.1 General Declaration (ตาม Appendix 1. to ICAO Annex 9) และ 2.2 Public Health Passenger Locator Form (ตาม Appendix 13. to ICAO Annex 9)

3. ถ้ามีความจำเป็นเมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับรายงานตาม  2. ให้ท่าอากาศยานพิจารณาจัดลานจอดอากาศยานที่แยกออกมา (Isolated Aircraft Parking Position) เพื่อประโยชน์ในการกักกันโรคให้กับอากาศยานที่มีผู้โดยสารตาม 2. 

4. ให้สายการบินมีเที่ยวบินจากประเทศไทยไปยังพื้นที่ที่มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อ พิจารณาดำเนินการตาม 1. ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อสถานการณ์ และติดตามมาตรการป้องกันโรคติดต่อของหน่วยงานที่รับผิดชอบของประเทศดังกล่าวด้วย


5. ให้สายการบินแจ้งแนวทางปฏิบัติดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีต้นทางและเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานให้ทราบและถือปฏิบัติ 

ทั้งนี้ จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดไป หรือมีประกาศอื่นใดเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง