กรุงเทพฯ 28 ม.ค. – บลจ.ทาลิสชี้ไวรัสโคโรนากระทบรายได้ท่องเที่ยวไทยสูญกว่า 1.5 แสนล้านบาท หวั่นจีดีพีโตต่ำกว่าร้อยละ 2 คาด SET Index ปีนี้ จะแกว่งตัวในช่วง 1,500 – 1,750 จุด
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัดกล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากจีน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนไตรมาสแรกลดลงมากกว่าครึ่ง เพราะทางการจีนสั่งห้ามนักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์เดินทางออกนอกประเทศ จากเดิมเฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยเดือนละ 900,000 คน เหลือเดือนละ 400,000 คน ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นร้อยละ 26 ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางมาเที่ยวไทย มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 50,000 บาทต่อคนต่อการเดินทาง โดยประเมินผลกระทบ 6 เดือน นักท่องเที่ยวหายไป 3 ล้านคน ส่งผลกระทบกับรายได้การท่องเที่ยวไทยประมาณ 150,000 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 1 ของจีดีพีไทย พร้อมประเมินว่าการท่องเที่ยวของไทยจะสามารถกลับมาฟื้นตัวครึ่งปีหลัง ส่งผลให้จีดีพีปี 2563 โตร้อยละ 1.9 จากเดิมคาดร้อยละ 3 ขณะที่เศรษฐกิจโลกคาดขยายตัวร้อยละ 3
ด้านค่าเงินบาทที่ระดับ 30.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มองว่ายังแข็งค่าเกินไป ทำให้ความสามารถการส่งออกลดลง มองกรอบเหมาะสม 31.50 – 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับความล่าช้าการเบิกจ่ายงบประมาณ 2563 จึงมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ร้อยละ 0.25 อีกครั้ง เพื่อพยุงเศรษฐกิจและส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ร้อยละ 1 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ และมองว่าปีนี้มีโอกาสที่ กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1 – 2 ครั้งในปีนี้
ส่วนการลงทุนตลาดหุ้นไทย คาด SET Index ปีนี้ จะแกว่งตัวในช่วง 1,500 – 1,750 จุด (P/E of 15 – 17.5 )ภายใต้ประมาณการณ์การเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS) ประมาณร้อยละ 10 โดยธุรกิจที่ บลจ.ทาลิสให้ความสนใจปี 2563 – 2564 คาดจะมีการเติบโตของกำไรสุทธิต่อเนื่อง และสามารถประมาณการณ์กำไรได้ง่าย คือ กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มเงินทุนฯ และกลุ่มขนส่ง-ทางอากาศ
ปัจจัยบวกที่สนับสนุนตลาดหุ้นไทยปีนี้เป็นขาขึ้น คือ ปี 2562 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้นทั่วโลกจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยปี 2563 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หากลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 จะทำให้เป้าหมาย SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 70 – 80 จุด ธนาคารกลางทั่วโลกดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เศรษฐกิจโลกมีทิศทางฟื้นตัว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะเดียวกันเชื่อว่าเม็ดเงินจากการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องทั่วโลกจะโยกมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาคลี่คลายจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวได้
สำหรับปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยครึ่งแรกของปี คือ พัฒนาการของสงครามการค้า ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและการก่อการร้าย รวมถึงการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา ปัญหาสหรัฐ – อิหร่าน ภัยแล้ง เสถียรภาพรัฐบาล และการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ล่าช้า และหากประมาณการณ์กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนถูกปรับลดลงร้อยละ 4 ก็อาจส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยได้เช่นเดียวกัน พร้อมแนะนักลงทุนกระจายความเสี่ยง เพราะปัจจัยความไม่แน่นอน ทำให้ตลาดหุ้นมีความอ่อนไหว ดังนั้นการลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการดี การเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3 – 5 ปีข้างหน้า จะช่วยลดความเสี่ยง และความผันผวนได้ ขณะเดียวกันหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง ๆ และมีความมั่นคงทางการเงินสูงก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด กล่าวว่า ปี 2562 บลจ.ทาลิสเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (AUM) สิ้นปี 2562 ทั้งสิ้น 13,077 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 131 จากสินทรัพย์รวม 5,664 ล้านบาทในปี 2561 โดยปี 2563 ตั้งเป้า AUM เติบโต 20,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 โดยธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเป็นเป้าหมายหลัก พร้อมเตรียมเปิดรับสับเปลี่ยนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF สำหรับผู้ที่ต้องการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ซึ่งปัจจุบัน บลจ.ทาลิสบริหารกองทุน LTF อยู่ 2 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนเปิดทาลิส หุ้นระยะยาว (TLLTFEQ) และกองทุนเปิดทาลิส DIVIDEND STOCK หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF-D) . – สำนักข่าวไทย