กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – ม.หอการค้าไทยเผยผลใช้จ่ายตรุษจีนขยายตัวติดลบครั้งแรกในรอบ 12 ปี เงินสะพัด 57,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นเงินปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นโจทย์หนักและยากของรัฐบาลปีนี้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ แสดงให้เห็นว่าบรรยากาศซึมและกร่อย ทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อส่วนใหญ่ระบุชัดเจนว่าจะซื้อปริมาณลดลงหรือเท่าเดิม โดยต้องยอมรับว่าการใช้จ่ายตรุษจีนปีนี้ขยายตัวติดลบร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการขยายตัวติดลบครั้งแรกในรอบ 12 ปี คาดว่าจะมีเงินสะพัดประมาณ 57,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ความกังวลของผู้ประกอบการและผู้ซื้อ คือ ปัญหาภัยแล้ง สร้างความวิตกกังวลว่าจะส่งผลต่อสินค้าภาคการเกษตร รวมทั้งปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มกระทบต่อสุขภาพ สร้างความกังวลว่าจะกระทบท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ซึ่งการสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการส่วนใหญ่กังวลต่อปัจจัยเหล่านี้ ทำให้มีความเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 2.5
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเมืองไม่ว่าประเด็น พ.ร.บ.งบประมาณเป็นโมฆะ ความสัมพันธ์ร่วมรัฐบาล โดยภาพรวมแนวทางแก้ปัญหาที่อยากเสนอรัฐบาล คือ ต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ประชาชนเห็นความหวังหรือแก้ปัญหาที่ทะลุจากความกังวลปัจจุบันให้ได้ ส่วนยุบหรือไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่นั้น เบื้องต้นพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เป็นพรรครัฐบาลก็ไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล แต่ต้องพิจารณาว่าจะมีผลกับการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะเคลื่อนไหวนอกสภาแค่ไหน
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนเทศกาลตรุษจีนปี 2563 พบว่ามีสัญญาณบ่งชี้สำคัญ เช่น ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าจะไปเดินห้างลดลงร้อยละ 51.8 ซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดลงร้อยละ 60.3 ท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 51.4 ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายตรุษจีน เมื่อเทียบกับปี 2562 พบว่าใช้จ่ายลดลงร้อยละ 35.9 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 44.9 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 ปัจจัยบ่งชี้ลดลงมาจากภาวะเศรษฐกิจ ลดค่าใช้จ่าย และรายได้ที่ลดลง สัญญาณการจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ต้องใช้คำนิยามว่า “กร่อยและซึม” เป็นโจทย์ยากที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหา.-สำนักข่าวไทย