กรุงเทพฯ 15 ม.ค. – กรมสรรพากรเผยจัดเก็บรายได้ไตรมาสแรกกว่า 3.9 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้า 6.5 พันล้านบาท พร้อมเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชั่นคืนภาษีนักท่องเที่ยวแห่งแรกของโลก
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.-ธ.ค.62) กว่า 390,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ 6,500 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดเก็บภาษี การจับจ่ายใช้สอยในประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายปีที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการชิมช้อปใช้อย่างชัดเจน ขณะที่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เดือนธันวาคมที่ผ่านมาขยายตัวร้อยละ 7 จึงเชื่อว่าการจัดเก็บรายได้ทั้งปีงบประมาณจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.11 ล้านล้านบาทได้แน่นอน
ส่วนการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91 ปีภาษี 2562 วันที่ 15 มกราคม 2563 ยังถือว่าไม่เยอะมาก ซึ่งกรมสรรพากรทยอยจ่ายคืนภาษีให้กับผู้ขอคืนแล้วกว่า 70,000 ราย โดยย้ำว่าใครยื่นก่อนได้คืนภาษีก่อน ภายใน 2 – 3 วัน หากไม่มีเจตนาเลี่ยงภาษี
สำหรับการเข้าไปดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB นั้น ยังไม่สามารถให้ข้อมูลหรือเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะต้องเป็นไปตามกระบวนการ คือ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตรวจสอบคุณสมบัติต่าง ๆ และแต่งตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป
ขณะที่วันที่ 17 มกราคมนี้ กรมสรรพากรจะทำการเปิดตัวโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารกรุงไทย และกรมศุลกากร ในการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลการเดินทางเข้า – ออกของชาวต่างชาติผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการพิจารณาคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นการนำข้อมูลมาใช้เพื่อรองรับระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ผ่านโมบายแอปพลิเคชัน ซึ่งถือเป็นการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งแรกของโลก และเป็นการช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าให้เพิ่มขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.6 ล้านราย มูลค่าการซื้อสินค้า 46,654 ล้านบาท ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มั่นใจว่าการนำระบบบล็อกเชนมาใช้ในการคืนภาษีนักท่องเที่ยวครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ยกระดับความปลอดภัย และสามารถตรวจสอบได้ ลดความหนาแน่นของคิวในการขอคืนภาษีของนักท่องเที่ยวตามจุดบริการที่สนามบิน ลดระยะเวลาขั้นตอนการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งเดิมใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบข้อมูล 30 วัน เป็นระบบเรียลไทม์ โดยระบบจะทำการประมวลผลและทำการคืนภาษีแวตให้กับนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถเลือกได้ว่าจะให้คืนภาษีผ่านบัตรเครดิต หรือบัญชีธนาคาร สำหรับร้านค้าที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยวผ่านระบบบล็อกเชน สามารถสมัครได้ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งร้านค้าต้องมีคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล โดยขณะนี้มีร้านค้าพร้อมให้บริการแล้ว 6 แห่ง . – สำนักข่าวไทย