กรุงเทพฯ 3 ม.ค. – อานิสงส์บาทแข็งค่า เอกชน ภาครัฐเร่งลงทุน “สนธิรัตน์” ให้นโยบาย ปตท.-กฟผ.ลงทุนและใช้หนี้ระยะสั้น ด้าน บี.กริม เพาเวอร์ เตรียมลงนามก่อสร้าง 7 โรงไฟฟ้า ไตรมาส 1/63
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กรณีเงินบาทแข็งค่าได้ให้นโยบายแก่รัฐวิสาหกิจในสังกัด ทั้ง บมจ.ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เร่งลงทุนและใช้หนี้เงินกู้ระยะสั้นที่เป็นเครดิตเทอม เพื่อทำให้ได้ประโยชน์ในการลงทุน ทำให้ต้นทุนต่ำลง และหามีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นมีความต้องการดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังจะส่งผลให้ช่วยค่าเงินอ่อนค่าลงด้วย โดยในส่วนของ ปตท.นั้น รับทราบว่าปี 2563 จะมีการลงทุนนับแสนล้านบาท ในส่วนของ กฟผ. คาดว่าจะมีเงินลงทุนประมาณ 36,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บาทแข็งค่ายังเป็นผลดีต่อประชาชน เพราะต้นทุนนำเข้าถูกลงและส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันต่ำลงเมื่อเปรียบเทียบกับบาทอ่อนค่า
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า จึงได้เร่งลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอสพีพีทั้ง 7 โครงการ โครงการละ 140 เมกะวัตต์ ซึ่งปกติแล้วเงินลงทุนเฉลี่ยประมาณ 800,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกำลังผลิต 1 เมกะวัตต์ หรือลงทุนประมาณ 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/โรง รวมเม็ดเงินลงทุนประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ดังนั้น ต้นทุนการค่าก่อสร้างและการซื้อเครื่องจักรก็จะต่ำลง โดยทั้ง 7 โครงการนี้ ซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากกลุ่มซีเมนส์และทางกลุ่มโตชิบา เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะมีการลงนามในสัญญาทั้งหมด ในไตรมาสที่ 1/2563 ซึ่งก็จะทำให้ต้นทุนโดยรวมของบริษัทลดต่ำลง
สำหรับโครงการเอสพีพี ทั้ง 7 โครงการ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าเอสพีพีทดแทน 5 โรงไฟฟ้า และเอสพีพี ที่ได้รับการอนุมัติย้ายพื้นที่ก่อสร้างจากจังหวัดราชบุรีไปที่จังหวัดอ่างทอง จำนวน 2 โครงการ. -สำนักข่าวไทย