ชำแหละธุรกิจขายตรงยักษ์ใหญ่-ดาราดังมีเอี่ยว

ธุรกิจขายตรง

กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – ผู้เสียหายลั่น “หมดตัวเพราะขายตรง” แฉธุรกิจขายตรงยักษ์ใหญ่ ชวนลงทุนแต่ทำกำไรไม่ได้จริง พบมีดาราระดับเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยเป็นผู้บริหาร ด้าน ปคบ. เร่งตรวจสอบโมเดลธุรกิจ


สมาชิกผู้ใช้ TikTok คนหนึ่งโพสต์คลิปพูดถึงเครือข่ายธุรกิจออนไลน์ว่าขอเป็นคนเปิดโปงขบวนการนี้เอง พร้อมแฉว่าผู้เสียหายมีมากกว่าคดีทองแม่ตั๊กเสียอีก ใครโดนยิงโฆษณารับสอนเปิดเพจ สอนยิงโฆษณาแบบจับมือทำ 98 บาท หลังจากนั้นใครเข้าไปเรียน สุดท้ายพอเข้าไปเรียนก็ได้เรียนนิดๆ หน่อยๆ จากนั้นจะถูกชักชวนให้ขายคอร์ส ขายสินค้า ซึ่งสินค้าก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครซื้อ แต่ได้ความน่าเชื่อถือ เพราะมีดาราดังๆ หลายคนเป็นพรีเซ็นเตอร์

พร้อมกับบอกว่า ผู้เสียหายของตนมาเล่าให้ฟังว่าเปิดบิล 1 ล้านบาท อีกคน 2.2 ล้านบาท อีกคู่หนึ่งเป็นสามีภรรยากัน มีเงินเก็บคนละ 2 แสนกว่าบาท ลงไปทั้งคู่ เงินจมเลย สินค้าขายไม่ได้ ต้องกินเองใช้เอง แต่ยังเปิดคอร์สเรียนทุกวัน เพราะต้องการหาดาวน์ไลน์ ซึ่งเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน คุณดนัยเคยออกมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเรื่องนี้ และจนถึงตอนนี้ที่เป็นกระแสดราม่าประเด็นนี้อีก จึงทำคลิปขึ้นมาเล่าให้ฟังโดยเฉพาะออกมาโต้ กลุ่มเซฟบอส


สำหรับดราม่าร้อนระอุโซเชียล กรณีธุรกิจขายของออนไลน์บริษัทดัง ซึ่งเป็นธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เช่น กาแฟ คอลลาเจน และวิตามิน โดยธุรกิจดังกล่าวถูกจับตาในโลกออนไลน์อย่างมากในเรื่องการขาย สตอกสินค้า และถูกโยงไปถึงข่าวต่างๆ มากมาย โดยในเพจดังออกมาเปิดหน้าตานักแสดงที่มีตำแหน่งใหญ่ในบริษัท และยังเปิดของการันตีความสำเร็จเมื่อเปิดบิลครบ 45,000 บาท อาจจะได้ไปล่องเรือยอร์ชพร้อมทอง หรือได้รถหรู และจะมีการโพสต์ภาพของคนที่อ้างว่าประสบความสำเร็จจากธุรกิจนี้ ซื้อบ้าน ซื้อรถด้วยเงิน แต่เมื่อสอบถามอีกด้านเป็นการให้รถไปยืมใช้ พอขายได้ ยอดตก ก็จะริบรถคืน

นอกจากนี้ยังมีภาพการประชุมของผู้บริหารที่มีดาราคุ้นหน้าคุ้นตานั่งร่วมโต๊ะ และคอร์สที่สอนออนไลน์ยังได้รับความนิยมถึงขนาดที่มีพระสงฆ์ไปนั่งเรียนด้วย นอกจากนี้จะมีการสอนบทให้ดาวน์ไลน์ไปเชิญชวนคนอื่นๆ มาสมัครต่อ เป็นสร้างฐานดาวน์ไลน์แบบดาวกระจาย ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี จนทำให้มีคนหลงเชื่อและตกเป็นผู้เสียหายหลายราย

วานนี้ (9 ต.ค.) ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ นำนางวิภารัตน์ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย มาเผยเรื่องราวที่ถูกหลอกลงทุนสูญเงิน 500,000 บาท จากบริษัทธุรกิจออนไลน์แห่งนี้ว่า ตนเองเริ่มเข้าเครือข่ายช่วงที่โควิดมาใหม่ๆ ในปี 2563 ไม่มีรายได้ จู่ๆ มีแม่ทีมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทดังกล่าวขอเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊ก ตอนแรกสังสัยว่าเป็นใคร เพราะรูปโปรไฟล์มีการถ่ายรูปคู่กับสินค้าเรียงเต็มอยู่ข้างหลัง


แม่ทีมคนนี้มีคำแนะนำให้ตนเข้าเป็นลูกทีม เมื่อฟังก็รู้สึกเชื่อถือและคิดว่าเป็นของแปลกใหม่ เป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ดี จึงสมัครจ่าย 2,500 บาท พอสมัครเสร็จแล้วมีการเข้าไปพบกับบุคคลที่เรียกกันว่า “บอส” และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสินค้า พร้อมพูดถึงประวัติความเป็นมาของตัว “บอส” เอง ยิ่งทำให้น่าเชื่อถือ จึงจ่ายอีก 25,000 บาท เป็นการเพิ่มดีกรีให้ตัวเอง เป็นอีกขั้นหนึ่งของตัวเเทนจำหน่าย และเสียค่าไปเที่ยวกับบริษัทเหมือนการสัมมนาอีก 25,000 บาท รวมทั้งหมดวันนั้นจ่าย 50,000 บาท

ระหว่างที่ตนเองเป็นเครือข่ายก็มีพบเจอกับดาราบ้าง แต่ว่าเข้ามาในลักษณะของพรีเซ็นเตอร์ในการเชิญชวนซื้อสินค้าต่างๆ ของบริษัท จนทำมาประมาณ 5-6 เดือน เริ่มที่จะขายไม่ได้ จึงปรึกษากับแม่ทีมก็ได้คำตอบว่าให้ยิงโฆษณาเพิ่ม และชักชวนคนเข้ามาเป็นเครือข่ายเพิ่มเติมอีก แต่กลับไม่ได้มีการแนะนำวิธีการขายสินค้าเพิ่มเลย จึงมองว่าไม่คุ้มค่ากับที่ลงทุนไปสูญเงินรวมไปกว่า 500,000 บาท

“บอสพอล” โพสต์ปมธุรกิจ ลั่นไม่หนีพร้อม “มอบตัว”
บอสพอล ผู้บริหารบริษัทดังกล่าว ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า สวัสดีทุกท่านครับ ผมขอเรียนชี้แจงผ่านทางช่องทางนี้นะครับ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจขายปลีก-ขายส่งผ่านระบบตัวแทนภายใต้มาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า…ผมดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูล ปรากฏมีหลายเคสตามที่เกิดดราม่าที่ออกมาต่อว่าด่าทอบริษัท กลับไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของผมแบบที่กล่าวอ้างเลย อันนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุดที่ผมเองไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยครับ และยังคงสงสัยอยู่ว่าถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีใครในองค์กรรู้มาก่อนบ้างเลย

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมคงรู้สึกเสียใจมากและอยากที่จะช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ที่สูญเสียอย่างเต็มที่ครับ ขอเพียงท่านติดต่อกลับมาที่บริษัท ส่วนที่ถามว่าทำไมผมถึงยังไม่ออกมาพูดอะไร ผมขอตอบตรงๆ ว่าเมื่อไตร่ตรองโดยสติแล้ว ผมคิดว่า…ไม่ว่าจะตอบอะไรออกมาในช่วงที่กระแสสังคมเปรียบเหมือนน้ำเชี่ยวจากการรับข้อมูล “ทางเดียว” ในตอนนี้ยิ่งจะเป็นการทำให้สถานการณ์ที่หนักอยู่แล้วหนักยิ่งขึ้น

ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการ เพราะผมเชื่อว่า…เราต่างเป็นสุจริตชนที่อยู่ภายใต้ “กฎหมาย” ไม่ใช่การใช้ “กฎหมู่” หรือกระแสสังคม ในการทำลายกัน ผมพร้อมจะเข้าไปแสดงตัว “มอบตัวกับตำรวจ” ตามที่ตำรวจจะแจ้งให้ทราบทุกเมื่อ ผมรอพิสูจน์ความจริงอยู่ตรงนี้ ไม่หนีไปไหนแน่นอนครับ!!!”

เปิดของแถมยั่วใจ “ขายตรงดัง” การันตีความสำเร็จ
ขณะที่แฟนเพจชื่อดังอย่าง “อีซ้อขยี้ข่าว” ออกมาระบุถึงเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า “ของแถมยั่วยวนใจ ขายฝันการันตีความสำเร็จ หุ้นส่วนเป็นดาราดัง เป็นใครๆ ก็หลง เปิดบิลครบ 45,000 บาท ได้ทริปเรือยอร์ชพร้อมทอง มากสุดได้รถ BMW เลยทีเดียว เขาบอกห้ามโพสต์ลงโซเชียล

แฉโมเดลธุรกิจขายตรงบังหน้า
ดูโมเดลธุรกิจสุดคลาสสิกที่อาศัยคำว่า “ธุรกิจขายตรง” บังหน้า ผ่านถ้อยคำชวนฝันให้หลงเชื่อว่าจะรวยอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นเดียวกับโมเดลการทำธุรกิจ บริษัทเครือข่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดัง เริ่มต้นจากการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูน่าเชื่อถือ นำคนดัง ดารานักแสดงมากหน้าหลายตา ออกรายการ ยิงโฆษณา เชิญชวนขายคอร์สราคาไม่แพง ไม่ถึงร้อยก็เรียนได้ ขายฝันว่าสามารถพลิกชีวิต พอเหยื่อตกลงมาสมัครเรียนก็สอนความรู้พื้นฐานทั่วไปที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ปิดท้ายด้วยการ “เปิดบิล” ให้สตอกสินค้า หากใครไม่มีทุนก็ขายฝันต่างๆ นานา ให้ไปยืม แม้แต่ไปกู้เพื่อมาลงทุนกับเรา

ข้อมูลจากสมาคมการขายตรงไทย-TDSA ให้คำอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างธุรกิจขายตรงกับแชร์ลูกโซ่มีหลายข้อ แต่หลักๆ “ธุรกิจขายตรงที่ดี” จะสร้างความยั่งยืนให้กับนักขายและลูกค้า แต่ “แชร์ลูกโซ่” กลับมักสร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภค ซึ่งใครที่จะตัดสินใจเข้าร่วมต้องศึกษาโมเดลธุรกิจให้ถ่องแท้ เพื่อไม่ให้พลาดตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ โดยลักษณะของธุรกิจขายตรง ค่าสมัครเหมาะสมและอาจมีเอกสารหรือสินค้าตัวอย่าง มีการรับประกันสินค้าและรับซื้อคืนเมื่อนักขายตรงต้องการลาออก ไม่มีนโยบายกักตุนสินค้าจำนวนมากๆ แผนการจ่ายผลตอบแทนเป็นไปได้จริง รายได้หลักต้องมาจากการขายสินค้าไม่ใช่การระดมเงินทุน

ขณะเดียวกันลักษณะของแชร์ลูกโซ่ ค่าสมัครสูง เป็นการระดมทุน เน้นการกักตุนสินค้า สินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่รับประกันและไม่รับคืนสินค้า รายได้หลักมาจากการระดมทุนหรือใช้เงินซื้อตำแหน่ง เป็นธุรกิจระยะสั้น บริษัทไม่มีความมั่นคง

ปคบ.เร่งตรวจสอบโมเดลธุรกิจบริษัทดัง
พันตำรวจเอก อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้รับทราบกระแสข่าวทางโซเชีลยมีเดียว่ามีผู้ที่ได้รับความเสียหายจำนวนมากจากการร่วมธุรกิจเครือข่ายชื่อดังยักษ์ใหญ่ที่มีดาราแถวหน้าของเมืองไทยเป็นผู้บริหารแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบพฤติการณ์โมเดลธุรกิจดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดที่เกี่ยวข้องกับ บก.ปคบ. หรือไม่ โดยขอตรวจสอบรายละเอียดการทำธุรกิจก่อน อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีผู้เสียหายรายใดเข้าแจ้งความ

ขณะที่พลตำรวจโท นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังจับตาประเด็นดังกล่าวอยู่ หากมีผู้เสียหายประสงค์จะแจ้งความร้องทุกข์คดีที่เกี่ยวข้องกับการขายตรงลักษณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมรับดำเนินการ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ บทลงโทษของการชักชวนคนมาลงทุนแล้วไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ถือว่าเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี และปรับ 50,000-1,000,000 บาท และมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่วันนี้ (10 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ทนายเดชาจะพาผู้เสียหาย 40 คน ไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เกี่ยวกับคดีของบริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องสงสัยว่ากลายพันธุ์จากบริษัทขายตรงแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรง และอาจผิดตามข้อหากู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม