บาทเริ่มอ่อน-หุ้นไทยปิดต่ำสุดรอบ 11 เดือน

กรุงเทพฯ 7 ธ.ค.-ลุ้นสัปดาห์หน้า หุ้นไทยปลายปีจะฟื้นตัวหรือไม่ หลังปิดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทย หุ้นไทยดัชนีต่ำสุดรอบ 11 เดือน ขณะที่เงินบาท ทยอยอ่อนค่า 


บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทเผชิญแรงขายในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากข้อมูล PMI ของจีนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือน พ.ย. กระตุ้นแรงขายสินทรัพย์และสกุลเงินปลอดภัย เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบประมาณ 1 เดือนที่ 30.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาท พร้อมกับระบุเตือนถึงแนวโน้มที่เงินบาทอาจผันผวนและไม่ได้แข็งค่าเพียงด้านเดียวเหมือนในช่วงที่ผ่านมา

 นอกจากนี้ สถานะขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติก็เป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมที่กดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน   โดยในวันศุกร์ (6 ธ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 พ.ย.)


ด้านดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดปลายสัปดาห์ที่ 1,558.99 จุด (ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน) ลดลง ร้อยละ 1.99 จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,251.64 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ17.87 จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง ร้อยละ1.56 จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 313.89 จุด  

ตลาดหุ้นไทยร่วงลงตลอดสัปดาห์ท่ามกลางสัญญาณสะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลัง ธปท. มีแนวคิดที่จะดูแลการเก็บค่าธรรมเนียมของธนาคาร นอกจากนี้สัญญาณตึงเครียดในประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ ในระหว่างที่ข้อพิพาทการค้ากับจีนยังคงไม่คลี่คลาย รวมถึงความกังวลต่อผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ก็เป็นอีกปัจจัยลบที่กดดันตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์  


สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-13 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.20-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,550 และ 1,525 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,575 และ 1,585 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของเฟด (10-11 ธ.ค.) สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน รวมถึงผลการเลือกตั้งของอังกฤษ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิต รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิตเดือนพ.ย. ของจีน รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. ของญี่ปุ่น .- สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง