เอกชน ฟันธงปีหน้าเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ขอการเมืองนิ่ง

กรุงเทพฯ 4 ธ.ค. – กกร.ระบุ เศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดแล้ว ปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้น พร้อมขอรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4 เพื่อสร้างแรงส่งต่อเนื่องให้เศรษฐกิจปีหน้าให้ดีขึ้น ส่วนการเมืองต้องมีเสถียรภาพ 


นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือ กกร. ว่า กกร.มองภาพรวมเศรษฐกิจไทย น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว ดังนั้น ปีหน้า ปี 2563 เศรษฐกิจไทย น่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากงบประมาณปี  2563 จะออกมา ช่วยให้ภาครัฐมีการใช้จ่ายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ด้านการลงทุนก็พบว่า ขณะนี้นักลงทุนจากหลาย ๆ ประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หลังจากที่ยื่นโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)และได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว ก็จะเริ่มเข้ามาลงทุน และหลายโรงงานจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ ส่วนการค้าขายในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์และประเทศเวียดนาม แนวโน้มการค้ากับไทยยังไปได้ โดยเฉพาะเวียดนามการค้าดีมาก ด้านอุปโภคบริโภคประเทศเพื่อนบ้านยังต้องการสินค้าจากไทยอยู่  สำหรับการท่องเที่ยวคาดว่า ปีนี้ ยอดนักท่องเที่ยวน่าจะมียอดรวมประมาณ  40 ล้านคน โดยที่นักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวต่อเนื่องและยังมีจำนวนมากปีนี้ประเมินว่ามียอดไม่ต่ำกว่า  10 ล้านคน และคงมียอดเพิ่มขึ้นถึงประมาณ  11 ล้านคน 

“มองไปข้างหน้า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังขาดแรงหนุนให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงมีอยู่มาก โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย นอกจากนี้ ความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ยังมีผลต่อการลงทุนของภาครัฐและเป็นข้อจำกัดหากรัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีคนสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก เพราะปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ของไทยยังแข็งแกร่งโดยมีเงินทุนสำรองจำนวนมาก ถึงแม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นก็ตาม หากการเมืองนิ่งและมีเสถียรภาพ นักลงทุนก็มีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เห็นได้จากที่ทางแครี่ แลม มาเยือนประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนได้ยื่นขอรับการส่งเสริมโครงการลงทุนเพื่อพิจารณาโครงการซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี” นายกลินท์ กล่าว 


สำหรับมาตรการ Ease of doing business ของประเทศไทย รัฐบาลให้ความสำคัญ มีคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการแก้ไขให้ระดับการเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยสะดวกยิ่งขึ้น เช่น การปรับแก้ไขกรณี ตม.6 ตม.3 และเร็ว ๆ นี้จะมีการใช้แอปพิเคชั่นเพื่อให้นักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและลงทุนมีความสะดวกยิ่งขึ้นด้วย โดยภาพรวมแล้ว กกร.จึงมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ปี 2563 จะเป็นในทิศทางที่ปรับตัวดีขั้น ส่วนประมาณการณ์เศรษฐกิจทาง กกร. จะมีการประเมินใหม่ในเดือน ม.ค.2563 ต่อไป

ด้านนโยบายรัฐบาลในเรื่องการปรับค่าแรงนั้น ทาง กกร.อยากขอให้รัฐบาลชะลอนโยบายนี้ออกไปให้นานเท่าที่จะสามารถทำได้ เนื่องจากแนวโน้มการประกอบการของภาคเอกชน ปัจจุบันโรงงานต่าง ๆ มีการใช้แรงงานลดลง เพราะบางส่วนปรับมาใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมากขึ้น หากรัฐบาลเร่งขึ้นค่าแรง จะเสี่ยงต่อการที่โรงงานจะปรับตัวหันไปใช้เครื่องจักรหรือใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐจะปรับขึ้นค่าแรง หากอัตราการปรับขึ้นไม่มากนัก ผู้ประกอบการเอกชนก็พอที่จะรับได้ถือว่าพอไหว 

ส่วนการเมืองในประเทศ ผู้ประกอบการเอกชน อยากเห็นการเมืองไทยเป็นการเมืองที่มีเสถียรภาพ เพราะจะทำให้นักลงทุนต้องการเข้ามาลงทุน นักท่องเที่ยวอยากเข้ามาท่องเที่ยว จึงอยากฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย หากทำได้เศรษฐกิจไทยจะไปได้อีกมาก ส่วนเงินบาทเป็นเรื่องที่ถือได้ว่าเป็น New Normal คือ ความปกติแบบใหม่ไปแล้ว หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ร้อยละ 0.25 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ร้อยละ 1.25 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ปรับเกณฑ์ 4 มาตรการเพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาทนั้น  กกร. เห็นว่า มาตรการต่างๆ ที่ออกมาอาจช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าในระยะสั้น จึงขอให้ ธปท. พิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือ SMEs และหากยังปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องจะส่งผลกระทบในระยะยาว  


นายกลินท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม กกร.ยังเสนอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อทำให้เศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 มีแรงส่งต่อเนื่องไปถึงไตรมาสที่ 1 ปีหน้าปรับตัวดีขึ้น และรักษาระดับการเติบโตของเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอตัวไปมากกว่านี้ สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่รัฐบาลควรดำเนินการ ได้แก่ มาตรการช้อปช่วยชาติ โดยให้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค (ยกเว้นสินค้าบางประเภท อาทิ สุรา ยาสูบ เป็นต้น) รวมทั้งของขวัญปีใหม่ มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท, มาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และการจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง  โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท และของนิติบุคคลไม่เกิน 1.5 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง พร้อมทั้งเร่งการลงทุนภาครัฐเพื่อให้เกิดการลงทุนต่อเนื่องของภาคเอกชน อันจะส่งผลต่อห่วงโซ่มูลค่าของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เช่น โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำชลประทานในทุกจังหวัด โดยใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ ใช้ผู้รับเหมาจากในพื้นที่เท่านั้น (Local to Local) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงมหาดไทย / กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ทั้งนี้ ควรผลักดันและเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงานของ บสย. ในปี 2563 เช่น โครงการ PGS8 (โครงการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับ SMEs) และการนำ Credit Scoring มาใช้เพื่อให้สามารถคิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันตามลำดับความเสี่ยงของ SMEs ให้มีการดำเนินการที่เร็วขึ้น, เร่งรัดการคืนภาษี VAT ทั้งผู้ส่งออกและผู้ประกอบการให้รวดเร็วขึ้น โดยเชื่อมโยงกับบริการ e-Payment, ผลักดันโครงการค้ำประกันการส่งออกให้ครอบคลุมตลาดใหม่ๆของ SMEs และรัฐบาลช่วยรับภาระค่าธรรมเนียมค้ำประกันการส่งออกให้กับ SMEs ในตลาดเป้าหมาย และส่งเสริมผู้ประกอบการส่งออกที่เป็น SMEs ขายสินค้าเป็นเงินบาท และให้สิทธิพิเศษในการทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับการรับชำระค่าสินค้าโดยไม่คิดค่า Premium หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง EXIM Bank 

ในส่วนของปัญหามลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จากปัญหาดังกล่าวจึงได้มีการนำเสนอหลักการและสาระสำคัญของพระราชบัญญัติการบริหารจัดการเพื่อความสะอาดของอากาศ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเสนอร่างกฎหมาย กกร.จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมลงชื่อสนับสนุนพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ไปยังหน่วยงานภาครัฐ เพื่อผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการความสะอาดของอากาศอย่างบูรณาการต่อไป 

สำหรับเศรฐษกิจไทยไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา ที่ประชุม กกร.เห็นว่า จากตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ออกมาต่ำกว่าคาดและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนตุลาคมซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ทั้งการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัว สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังไม่ชัดเจน โดยมีเพียงการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนและการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการของภาครัฐ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชิมช้อปใช้ และการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrivals. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่