จาการ์ตา 2 ธ.ค. – ไฟป่าในอินโดนีเซียที่ส่งผลให้เกิดควันพิษปกคลุมไปหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้ ทำลายพื้นที่ไปแล้วอย่างน้อย 10 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เสื่อมโทรมและป่าพรุที่อุดมไปด้วยคาร์บอน
ศูนย์เพื่อการวิจัยป่าไม้ระหว่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียกล่าวว่า การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า ไฟป่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีการแผ้วถางไปเมื่อหลายปีก่อน คณะนักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ฯ กล่าวว่า นักวิจัยพบว่า ร้อยละ 76 ของไฟที่เกิดขึ้นนั้น เกิดในพื้นที่ว่างเปล่า พื้นที่เหล่านี้เคยเป็นป่าเมื่อหลายปีก่อน แต่การเกิดไฟป่าหลายครั้งซ้ำ ๆ กัน ทำให้เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม ไฟร้อยละ 3 เกิดขึ้นในสวนปาล์มน้ำมัน ในปีนี้พื้นที่ที่เกิดไฟไหม้เป็นป่าพรุร้อยละ 41 หรือเท่ากับ 4.1 ล้านไร่ และนับจนถึงเดือนตุลาคม พื้นที่ป่าฝน 375,000 ไร่ ถูกเผาทำลายไปแล้ว ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับปัญหมอกควันจากไฟป่าที่เกิดจากไฟป่าในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกิดความกังวลทั้งในด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ในปี้นี้ สถานการณ์ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ที่ในปีนั้นพื้นที่ป่าถูกเผาทำลายไป 16.25 ล้านไร่ การเผาเพื่อขจัดวัชพืชของผู้ปลูกปาล์มน้ำมันบางรายเป็นต้นเหตุของไฟ ที่ลุกลามอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง นอกจากนั้น ไฟป่าในอินโดนีเซียยังถูกกล่าวโทษว่าทำให้เกิดแก๊สเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นและเป็นการทำลายป่าไม้ ที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า เช่น อุรังอุตัง.-สำนักข่าวไทย