ท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) 24พ.ย.- นายกรัฐมนตรี ยิ้ม หลังผลซุปเปอร์โพล ชื่นชม มือสะอาด ก่อนเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนมือง กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 (2019 ASEAN-ROK Commemorative Summit) และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1 (1st Mekong-ROK Summit) ระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤศจิกายน 2562 ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี
ก่อนเดินทาง นายกรัฐมนตรี ได้ยิ้มและพยักหน้า หลังถูกถามว่าเห็นผลซุปเปอร์โพล ที่ชื่นชมนายกรัฐมนตรี ว่า มือสะอาด ไม่ด่างพร้อย-มีบารมี คุมผู้มีอิทธิพลได้ และยังชื่นชมนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าบริหารเก่ง และเชี่ยวชาญธุรกิจ รวมถึงไม่ตอบว่าการเดินทางไปร่วมประชุมที่เกาหลีในครั้งนี้ ได้สั่งการอะไรเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ แต่ได้ยิ้มและส่ายหัวแทน
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณ ถือเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยรัฐบาลจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงประชาชนต่อไป
สำหรับการเดินทางไปสาธารณรัฐเกาหลีของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-เกาหลี ครั้งที่ 1 (1st Mekong-ROK Summit) ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ คือ กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งการประชุม จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ การประชุม ASEAN-ROK 30&30 ในโอกาสครบรอบ 30 ปีความสัมพันธ์ อาเซียน-เกาหลี เพื่อทบทวนบทบาทความร่วมมือในช่วง30ปีที่ผ่านมา และวิสัยทัศน์ร่วมใน 30ปีข้างหน้า เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและสันติภาพในภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่สาธารณรัฐเกาหลีแล้ว นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) เวลา 18.30 น. ในวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2562.-สำนักข่าวไทย