ภูเก็ต 22 พ.ย. – หลังสำนักข่าวไทยนำเสนอให้เห็นถึงขบวนการเชิดรถเช่าในจังหวัดภูเก็ต ที่เชิดรถไปขายต่อหรือจำนำ โดยมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก และเมื่อตรวจสอบมักพบว่าขบวนการนี้มีหลายกลุ่ม มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและบุคคลมีสี วันนี้หนึ่งในผู้เสียหายได้ตัดสินใจไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เพราะมีเบาะแสเชื่อมโยงว่าอาจมีตำรวจเข้ามาพัวพัน
นี่เป็นหนังสือขอความช่วยเหลือที่นายนิพันธ์ ประสารการ ผู้ทำธุรกิจให้เช่ารถใน ต.เชิงทะเล จ.ภูเก็ต นำมายื่นเพื่อขอความเป็นธรรมจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้ช่วยติดตามตรวจสอบรถยนต์จำนวน 6 คัน ที่ถูกผู้เช่าชื่อ นายจ๋าย ผดุงศักดิ์ เชิดหนี โดยเขาได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เชิงทะเล เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา
ผู้เสียหายระบุว่ามีคลิปเสียง หลักฐานภาพถ่ายที่เชื่อมโยงว่านายจ๋ายนำรถเช่าที่เชิดหนี ไปให้กับตำรวจทั้งในพังงาและภูเก็ต รวม 3 นาย ในหนังสือยังระบุทั้งชื่อเล่นและชื่อจริงของตำรวจไว้อย่างชัดเจน เป็นยศนายดาบ 2 นาย และอีก 1 นาย เป็นยศร้อยตำรวจเอก
รองโฆษกตำรวจภูธรภาค 8 ระบุทันทีที่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้เสียหาย ได้มอบหมายให้สืบสวนภาค 8 ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ตำรวจทั้ง 3 นายที่ถูกร้องเกี่ยวข้องกับการเชิดรถเช่าของผู้เสียหายรายนี้อย่างไร ยืนยันจะติดตามรถกลับคืนให้ และหากพบการกระทำความผิดตำรวจทั้ง 3 นาย จะต้องถูกดำเนินคดีอาญารวมถึงต้องโทษทางวินัย ขอเวลา 15 วัน ทำความจริงให้ปรากฏ
ในช่วงหลายปีที่ผานมานี้ นอกจากจะมีข้อมูลว่าขบวนการเชิดรถเช่าไปขายต่อมีบุคคลที่มีสีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยบ่อยครั้ง สิ่งที่ผู้เสียหายจำนวนมากต้องเผชิญชะตากรรมเหมือนกันอีกอย่างคือ การที่ไม่สามารถติดตามรถกลับมาได้ แม้จะแจ้งความร้องทุกข์ไว้ ขณะเดียวกันเป็นที่น่าสังเกตว่า แหล่งรับซื้อหรือรับจำนำรถผิดกฎหมายเหล่านี้ยังคงเป็นพื้นที่เดิมๆ ซ้ำซากไม่เปลี่ยนแปลง
ผู้เสียหายกลุ่มนี้เคยทำธุรกิจให้เช่ารถใน จ.ภูเก็ต เมื่อ 4 ปีก่อน พวกเขาเล่าว่า เคยมีรถให้เช่ามากกว่า 40 คัน และเคยถูกขบวนการเชิดรถเช่านำไปขายต่อและจำนำรวมกันกว่า 20 คัน
ปัจจุบันยังตามรถกลับมาได้ไม่หมด ส่วนกลุ่มคนร้าย แม้ออกหมายจับและควบคุมตัวไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็หลบหนีการประกันตัวอย่างลอยนวล พวกเขายังเล่าว่า ต้องเสี่ยงอันตรายรอบด้าน ติดตามรถกลับมาด้วยตัวเอง เพราะคดีไม่มีความคืบหน้า รถเกือบทั้งหมดที่ถูกเชิดหายไปถูกพบในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และเกือบทั้งหมดอยู่ในมือบุคคลกว้างขวาง ทั้งข้าราชการ การเมือง ทหาร และตำรวจ
ส่วนสาเหตุที่คนร้ายเลือกนำรถเช่าที่เชิดจาก จ.ภูเก็ต ไปขายต่อใน จ.นครศรีธรรมราช และพัทลุง ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ยอมรับว่า อาจเป็นเพราะที่นั่นมีกลุ่มผู้รับซื้อขนาดใหญ่และเป็นพื้นที่เอื้อต่อการให้คนร้ายนำรถไปซุกซ่อนก่อนส่งออกไปขายที่อื่น
ต้องติดตามต่อไปว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามรถที่สูญหายกลับมาได้หรือไม่ และจะขยายผลจับกุมใครในขบวนการนี้ได้อีกบ้าง รวมไปถึงผลการสอบสวนตำรวจ 3 นาย ในภูเก็ต และพังงาที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการรรับซื้อรถผิดกฎหมายเหล่านี้ด้วย. – สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
►ขบวนการเชิดรถเช่าไปขายต่อเอี่ยวคนมีสี ตอน 2
►ร้องตรวจสอบ “เชิดรถเช่า” ขายต่อตลาดมืด ตอน 1