ขบวนการเชิดรถเช่าไปขายต่อเอี่ยวคนมีสี ตอน 2

ภูเก็ต 20 พ.ย.-หลังวานนี้สำนักข่าวไทยเปิดประเด็นมีผู้เสียหายเข้าร้องให้ตรวจสอบถูกคนร้ายเชิดรถเช่าในพื้นที่ภูเก็ตไปจำนำและขายต่อ โดยข้อมูลเชื่อมโยงว่าผู้รับจำนำหรือซื้อรถต่อจากเขาล้วนเป็นข้าราชการทหารและตำรวจ วันนี้สำนักข่าวไทยพบข้อมูลว่าการเชิดรถเช่าจากภูเก็ตไปขายต่อมีคนร้ายหลายกลุ่มและทำกันเป็นขบวนการ

นี่คือแผนประทุษร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตทำขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของขบวนการเชิดรถเช่าไปขายต่อ โดยมีนายเมธาวี ธรรมฉันธะ เป็นหัวหน้าขบวนการและทำหน้าที่เป็นผู้เช่า ตระเวนเช่ารถในหลายพื้นที่ของภูเก็ต ก่อนจะเชิดรถเช่าไปขายต่อและจำนำในพื้นที่อื่น เฉพาะขบวนการของนายเมธาวีเพียงขบวนการเดียว ปรากฏมีผู้เสียหายถูกเชิดรถไปขายแล้วรวมกันกว่า 50 คัน ในจำนวนนี้เจ้าหน้าที่และผู้เสียหายเองติดตามรถกลับมาได้แล้วบางส่วน แต่ยังคงเหลือรถที่ตามกลับมาไม่ได้อีกกว่า 20 คัน ล่าสุดนายเมธาวีถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ จำคุก 23 ปี ส่วนตำรวจยังเร่งขยายผลว่ามีบุคคลใดร่วมในขบวนการอีก


ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตให้ข้อมูลว่า ส่วนมากคนร้ายที่มาเช่ารถมักจะมีพฤติการณ์คล้ายคลึงกัน คือการสร้างความน่าเชื่อถือในช่วงแรก เช่ารถระยะสั้น จ่ายเงินตรง หลังจากนั้นจะเริ่มขอเช่ารถเพิ่มครั้งละหลายคัน ทำสัญญายาวขึ้น ก่อนจะเชิดรถที่เช่าไปขายต่อหรือจำนำ ที่ผ่านมาภูเก็ตถือเป็นพื้นที่กลุ่มเป้าหมาย หรือพื้นที่ต้นน้ำ ที่คนร้ายมักเลือกก่อเหตุ เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีธุรกิจให้เช่ารถจำนวนมาก พร้อมยังยอมรับว่ารถที่ถูกเชิดไปขายต่อนี้มีจำนวนมากถูกพบนำไปสวมทะเบียนเพื่อก่อเหตุอาชญากรรม รวมถึงขนส่งยาเสพติด

ผู้เสียหายรายนี้ถูกขบวนการของนายเมธาวีเชิดรถเช่าไปขายต่อรวมทั้งหมด 14 คัน โดยเธอระบุว่าปัจจุบันยังมีรถที่ติดตามกลับมาไม่ได้อีก 9 คัน ส่วน 5 คันที่ตามกลับมาได้แล้ว เธอระบุว่าพบในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและนครศรีธรรมราช โดยผู้รับซื้อและรับจำนำเอาไว้มีทั้งผู้ใหญ่บ้าน ทหาร และตำรวจ

ขณะที่ผู้เสียหายรายนี้เปิดเผยว่า เธอถูกขบวนการเชิดรถเช่าซึ่งเป็นคนละขบวนการกับนายเมธาวีเชิดรถรุ่นฟอร์จูนเนอร์ไปจำนำไว้กับบุคคลมีสีในพื้นที่กระบี่ เมื่อเธอตรวจสอบพบผู้รับจำนำกลับยื่นข้อเสนอให้เธอนำเงินจำนวน 180,000 บาท ไปไถ่ถอนรถตัวเองคืน กระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจชุดสืบสวนภาค 8 ทำการล่อซื้อจนได้รถคืนเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ยังคงมีเพื่อนผู้เสียหายอีกจำนวนหลายสิบรายที่ยังไม่ได้รถคืน

ทั้งนี้ ข้อมูลจากตำรวจระบุว่าที่ผ่านมามีคนร้ายจำนวนมากพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีหรือถอนแจ้งความ เพื่อแลกกับการมอบรถคืน ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมากเช่นกันที่ตัดสินใจไม่ดำเนินคดีกับคนร้ายหลังได้รับรถคืน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งช่องว่างสำคัญที่เปิดโอกาสให้ขบวนการเชิดรถเช่าไปขายต่อ ชะล่าใจจนวนเวียนก่อเหตุซ้ำ.-สำนักข่าวไทย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้องตรวจสอบ “เชิดรถเช่า” ขายต่อตลาดมืด ตอน 1


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง