จับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

27 มี.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย


ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกันจับกุม นายพลวัฒน์ อายุ 29 ปี และนายหม่องซาอุ อายุ 24 ปี พร้อมแรงงานต่างด้าว 71 คน เป็นผู้ชาย 48 คน เป็นผู้หญิง 23 คน พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์ จำนวน 5 คัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ตั้งจุดสกัดเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว โดยในขณะที่ออกตรวจได้รับแจ้งว่า มีการแอบลักลอบขนแรงงานต่างด้าวโดยใช้รถยนต์ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เมื่อไปถึงบริเวณหมู่บ้านในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้พบรถยนต์คันดังกล่าว มุ่งหน้ามาทางอำเภอทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้แสดงตัวและส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวหยุด แต่เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พยายามขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับรถติดตามไปจนกระทั่งมาถึงบริเวณหน้าร้านอาหารในพื้นที่ รถคันดังกล่าวได้เสียหลักลงข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าวและสามารถควบคุมตัวผู้ขับขี่ไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าว ทั้งหมดจำนวน 14 คน (ชาย 9 คน, หญิง 5 คน)

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า มีการแอบลักลอบขนแรงงานต่างด้าวโดยใช้รถยนต์ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เมื่อไปถึงบริเวณหมู่บ้านในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ท่าขนุนฯ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีได้พบรถยนต์คันดังกล่าว มุ่งหน้ามาทางอำเภอทองผาภูมิ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวหยุด แต่เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับรถติดตามไป จนกระทั่งมาถึงบริเวณบนถนนหลวงหมายเลข 323 หมู่ที่ 1 ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี รถคันดังกล่าวได้เสียหลักและไม่สามารถไปต่อได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าวและสามารถควบคุมตัวผู้ขับขี่ไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าว ทั้งหมดจำนวน 18 คน (ชาย 11 คน, หญิง 7 คน)

ต่อมาในวันเดียวกัน ขณะทำการจับกุมแรงงานต่างด้าว ได้พบรถยนต์ขับมาด้วยความเร็ว มุ่งหน้าไปทางอำเภอทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุด เพื่อทำการตรวจสอบ แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุดรถและพยามยามที่จะขับขี่หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับรถติดตามไป จนกระทั่งมาถึงซอยทางเข้าวัดในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ตำบลท่าขนุนฯ รถคันกล่าวได้เสียหลัก ไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้ ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวจึงได้จอดรถทิ้งและวิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบแรงงานต่างด้าว จำนวน 10 คน (เป็นชาย 10 คน)

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบรถยนต์ขับมาด้วยความเร็ว มุ่งหน้าไปทางอำเภอทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุด เพื่อทำการตรวจสอบ แต่รถคันดังกล่าวไม่ยอมหยุดรถและพยายามที่จะขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขับรถติดตามไป จนกระทั่งมาถึงบริเวณสถานีวนวัฒนวิจัยทองผาภูมิ หมู่ที่ 1 ตำบลท่าขนุนฯ รถยนต์คันกล่าวได้เสียและไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้ ผู้ขับขี่รถยนต์คันกล่าวจึงได้จอดรถทิ้งและได้วิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบแรงงานต่างด้าว จำนวน 11 คน (เป็นชาย 10 คน หญิง 1 คน)

จากนั้น ได้พบรถยนต์ขับมาด้วยความเร็ว มุ่งหน้าไปทาง อ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุด เพื่อทำการตรวจสอบ แต่รถคันดังกล่าวไม่ยอมหยุดรถและพยามยามที่จะขับขี่หลบหนีไปเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสงสัยว่าอาจจะแอบลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขับรถติดตามไป จนกระทั่งมาถึงซอยทางเข้าวัดหนองแดง หมู่ที่ 1 ต.ท่าขนุนฯ รถยนต์คันกล่าวได้เสียและไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้ ผู้ขับขี่รถยนต์คันกล่าวจึงได้จอดรถทิ้งและได้วิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ทัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าวพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าว จำนวน 17 คน (ชาย 8 คน หญิง 9 คน) และได้ทำการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวทั้งหมด พบว่า ไม่สามารถนำบัตรประจำตัวหรือเอกสารใดๆ มาแสดงให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


เบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยนายพลวัฒน์ ให้การว่า ได้รับจ้างจากชายไม่ทราบชื่อ ให้พาแรงงานต่างด้าวไปส่งที่ภายในตัวเมืองกาญจนบุรี โดยจะให้ค่าจ้างเป็นรอบ รอบละ 3,000 – 4,000 บาท

จากการสอบถามนายหม่องซาอุ ให้การว่า ได้รับจ้างจากนายโซ ไม่ทราบชื่อจริงนามกุลจริง ให้พาแรงงานต่างด้าวไปส่งที่ภายในตัวเมืองกาญจนบุรี โดยจะให้ค่าจ้างเป็นจำนวนเงินคนละ 500 บาท

ด้านแรงงานต่างด้าว ให้การยอมรับว่า ได้เดินทางหลบหนีเข้าเมืองมาจากประเทศเมียนมา มาตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ บ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี เพื่อที่จะเข้าไปทำงานในตัวเมือง โดยจะเสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าประมาณคนละ 13,000-15,000 บาท.-419-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอยุธยาฯ

พระนครศรีอยุธยา 27 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ตรวจน้ำท่วม เร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานใช้งบแสนล้านบาท พัฒนาระบบชลประทานและการจัดการน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ของพรรค ให้การต้อนรับ และในโอกาสนี้ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต1 ที่มาร่วมงานด้วย ทันทีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถึงบริเวณวัดโคกหิรัญ มีประชาชนมารอให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ พร้อมร้องเพลง มาร์ช อสม.ต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถ่ายรูปเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะรับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ใช่พื้นที่ทุ่งรับน้ำ พื้นที่มีโฉนดที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือแก้มลิง พร้อมขอให้มีการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาในสถานะนายกรัฐมนตรี ถือว่าสามารถที่จะมาตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน กับพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก […]