ปัตตานี 22 พ.ย.-การสนธิกำลังปิดล้อมพื้นที่บ้านคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมา คนร้ายถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ 2 คน แม้ว่าก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่จะพยายามใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ทั้งการเจรจาโดยผู้นำในท้องที่ แต่ไม่เป็นผล ล่าสุดวันนี้ทราบแล้วว่าคนร้ายทั้ง 2 คน เป็นแกนนำก่อความไม่สงบคนสำคัญในพื้นที่หลายคดี รวมทั้งคดีการสังหารหมู่ ชรบ.ลำพะยา 15 ศพ
บ้านจุดเกิดเหตุตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.1 บ้านคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หลังนี้ยังคงถูกปิดกั้นพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ปะทะคนร้ายเสียชีวิต 2 คน เมื่อคืนที่ผ่านมา
นางซาตียาเลาะ แวซู เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า คืนวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ชาย 2 คน ได้เดินเท้ามาขอหลบนอนที่บ้านผ่านบุตรชายของเธอ คือนายอับดุลเลาะ โต๊ะรายอ โดยเธอไม่ทราบว่าทั้ง 2 คนคือใคร และเธอปฏิเสธที่จะให้อาศัยอยู่ในบ้าน แต่สุดท้ายคนร้ายพูดคุยกับบุตรชายได้ขอเธอให้คนทั้งสองนอนที่บ้าน 1 คืน โดยในคืนเกิดเหตุเธอบอกว่าคนทั้งสองบอกว่าจะมีคนมารับ แต่มาถูกปิดล้อมและปะทะกับเจ้าหน้าที่เสียก่อน
นางซาตียาเลาะ แวซู เธอมีบุตร 4 คน คนที่ 1 อับดุลเลาะ โต๊ะรายอ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเมื่อคืนนี้ หลังให้ที่พักพิงกับคนร้ายทั้ง 2 คน บุตรคนที่ 2 คือแวลอซารี ซึ่งหายออกไปจากบ้านนานถึง 7 ปีแล้ว โดยไม่เคยติดต่อกลับมา ส่วนคนที่ 3 คือแวซูกลีมัน ซึ่งเพิ่งจะถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ อ.แม่ลาน เมื่อปีก่อน จนล่าสุดมาเกิดเหตุรุนแรงซ้ำเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอจึงรู้สึกเสียใจ ตกใจอย่างมาก
ล่าสุดการตรวจสอบศพ 2 คนร้าย เจ้าหน้าที่ระบุว่าคือ นายมะยาโก๊ะ ลาเต๊ะ ซึ่งมีหมายจับในคดีความมั่นคง ป.วิอาญา 12 หมาย แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.ปัตตานี และนายซอบรี หลำโซะ มีหมาย ป.วิอาญา 6 หมาย แกนนำในพื้นที่ ม.4 อ.ของ จ.สงขลา ซึ่งเป็นน้องชายนายบูคอรี หลำโซะ และมีคู่แฝดอีกคนคือ นายรอซาลี ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นกลุ่มที่มีความสนิทสนมและมักร่วมกันก่อเหตุในพื้นที่ ล่าสุดคือการนำกำลังเข้าโจมตี ชรบ. 15 ศพ ที่ลำพะยา เข้าโจมตีชุดคุ้มครองตำบลปะกาฮารัง จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 นาย ปล้นตู้ ATM ที่หน้ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปล้นปืน สภ.นาประดู่ รวมทั้งเหตุการณ์ปล้นร้านทองที่ อ.นาทวี และอีกหลายเหตุการณ์สำคัญในพื้นที่ โดยหลักฐานที่สำคัญนอกจาก DNA ของคนร้ายทั้ง 2 คน อาวุธปืนที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้ง 9 มม. และ 11 มม. พบว่าเคยก่อคดีในพื้นที่มาแล้วถึง 14 คดี และหนึ่งในนั้นคือใช้ก่อเหตุยิง ชรบ.ลำพะยา
แม้การวิสามัญคนร้ายครั้งนี้จะสามารถยับยั้งความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากคนร้ายทั้ง 2 คนในอนาคต แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนการรักษาความปลอดภัยอีกครั้ง เพื่อป้องกันการตอบโต้ของคนร้าย ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายได้เตรียมความพร้อมเพื่อดูแลรักษาความสงบให้กับประชาชนในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย