กรุงเทพ 25 ต.ค. -สถานทูตสหรัฐ ชี้ประกาศแบน “ไกลโฟเซต” กระทบไทยนำเข้าถั่วเหลือง-ข้าวสาลี เกษตรกรเดือดร้อนปัญหาวัชพืช ยกผลวิจัยหลายองค์กรยันไม่กระทบสุขภาพมนุษย์ ถ้าใช้ถูกวิธี
นางจิลเลี่ยน บอนนาร์โดซ์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาทำหนังสือถึงรัฐบาลไทย เพื่อขอให้ทบทวนการแบนสารเคมีอันตราย 3 ชนิดในภาคเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารไกลโฟเซต ว่าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ได้รับทราบกรณีที่สื่อมวลชนในไทยเผยแพร่สำเนาจดหมายของทางการสหรัฐ ที่ถูกส่งไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ของไทย ทั้งนี้รัฐบาลไทยหวังว่าประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ที่เป็นคู่ค้าของสหรัฐ จะมีมาตรการออกมาภายใต้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และเป็นไปตามมาตรฐานสากล หากไทยยังยืนยันให้ยกเลิกการใช้สารเคมีในภาคเกษตร จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับการที่ไทยนำเข้าสินค้าเกษตร อาทิ ถั่วเหลือง ข้าวสาลี อีกทั้งจะส่งผลต่อเกษตรกรไทย รวมถึงประเทศคู่ค้าของไทยด้วย
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ กล่าวอีกว่า ในการประชุมร่วมกันระหว่างองค์การอนามัยโลก (WHO) กับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เมื่อปี 2559 ได้สรุปผลว่าอาหารที่มนุษย์รับประทานซึ่งมีพืชที่ถูกใช้สารไกลโฟเซตอยู่ด้วย ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือสร้างความเสี่ยงในหมู่ผู้บริโภคเลย อีกทั้ง คณะกรรมาธิการโครงการมาตรฐานอาหารของทั้ง 2 องค์กรนี้ได้ยืนยัน และให้ความมั่นใจด้วยว่าจะมีความปลอดภัย ถ้าใช้สารไกลโฟเซตอย่างถูกวิธีและในปริมาณจำกัด ขณะเดียวกัน สำนักงานอนุรักษ์และปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ ในเดือน ธ.ค.2560 ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับวัตถุที่มีภัยต่อสุขภาพมนุษย์ซึ่งสรุปผลการศึกษาว่าสารชนิดนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบทางลบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อสุขภาพของมนุษย์ ถ้ามีการใช้ตามฉลากและมีการควบคุม อีกทั้ง การวิจัยของสำนักงานแห่งนี้ยังตรงกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานอื่นๆในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงผลการค้นคว้าวิจัยของ WHO และ FAO อีกทั้งการสั่งห้ามใช้สารไกลโฟเซตไม่ได้ช่วยให้อาหารปลอดภัยมากขึ้น และไม่ได้ช่วยเรื่องการทำเกษตรอย่างยั่งยืน ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่มีการใช้สารดังกล่าว จะทำให้เกษตรกรต้องประสบปัญหาการควบคุมวัชพืชที่มาคุกคามพืชผลการเกษตร.-สำนักข่าวไทย