ศาลรัฐธรรมนูญ 18 ต.ค.-“ภรรยาธนาธร” แจงเหตุขึ้นเช็คค่าหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย ช้า เนื่องจากเป็นแม่ลูกอ่อน มั่นใจเช็คไม่เด้ง ชี้บริษัทแค่รับพิมพ์งานให้นกแอร์ ไม่ได้ทำเนื้อหาเอง ด้าน “หลานธนาธร” เบิกความชัด “สมพร” โอนหุ้นวี-ลัคมีเดีย ให้ฟื้นฟูกิจการ ย้ำชัดสถานะหลานได้หุ้นหลักล้านไม่แปลก หลังจบการไต่สวน ศาลนัดอ่านคำวินิจฉัย 20 พ.ย.นี้ ให้ส่งคำแถลงปิดคดีภายใน 15 วัน ช
ศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ (18 ต.ค.) นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม และ น.ส.กานติ์ฐิตา อ่วมขำ พนักงานบริษัทไทยซัมมิท โอโต้พาร์ค อินดัสตรี จำกัด ซึ่งเป็นพยานในคดีที่ กกต.ร้องขอให้ศาลรัฐธวรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากถือหุ้นสื่อบริษัทวี –ลัค มีเดีย จำกัด ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อศาล
นางรวิพรรณ ชี้แจงว่า การโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ในวันที่ 8 มกราคม 2562 มีการนัดหมายกันที่บ้าน ทนายมาจัดเตรียมเอกสารในห้องทำงาน จากนั้นนายธนาธร กลับมาจาก จ.บุรีรัมย์ ทักทายกันเสร็จ ก็ไปอาบน้ำ ซึ่งต่อมาคุณลาวัลย์ กานต์ฐิตา ก็เดินทางมาสมทบ พอนายธนาธรอาบน้ำเสร็จก็มานั่งคุยกันและเซ็นเอกสาร ซึ่งเอกสารสัญญาทางทนายเป็นคนเตรียมมา โดยในส่วนของตนก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และเมื่อเซ็นเสร็จก็มีการติดอากรแสตมป์ในวันนั้น โดยเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัทไทยซัมมิท เตรียมมา หลังเซ็นเสร็จ คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มีการเซ็นเช็คจ่ายค่าตอบแทนการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ให้คุณธนาธรและตน คนละฉบับ ซึ่งเช็คทั้งสองใบ ตนเองเป็นคนเก็บและนำไปขึ้นเดือนพฤษภาคม 2562 ด้วยตนเอง เหตุที่เว้นหลายเดือน เป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมา จะรวบรวมหลายฉบับแล้วนำไปขึ้นพร้อมกันทีเดียว เช่น ในปี 2560 เคยนำเช็คไปขึ้นทีเดียว 10 ฉบับ เพราะการขึ้นเช็คก็จะไม่มอบให้ใครไปดำเนินการ ขณะเดียวกันช่วงนั้นเพิ่งคลอดลูกคนเล็กเดือนกันยายน จึงต้องเลี้ยงลูก และเห็นว่าเป็นเช็คบริษัทในเครือฯ ไม่มีปัญหาเด้งแน่ จึงไม่ได้รีบนำไปขึ้น แต่ต่อมาเมื่อเกิดกระแสข่าวเรื่องการโอนหุ้น เมื่อได้รับเช็คที่ทนายนำมาแสดงต่อ กกต. คืน จึงรีบนำไปขึ้นเงิน
ส่วนที่บริษัทจะเลิกกิจการแต่ทำไมจึงทำสัญญากับบริษัทนกแอร์ นางรวิพรรณ ชี้แจงว่า ตอนเข้ามาบริหารปี 2554 นอกจากผลิตนิตยสารฮูแล้ว ก็รับจ้างนกแอร์ผลิตนิตยสาร จิ๊บ จิ๊บ โดยไม่ได้ทำเนื้อหา จนปี 2559 ธุรกิจสิ่งพิมพ์ซบเซา แต่ในส่วนของการผลิตนิตยสารให้กับนกแอร์ ยังมีรายได้ไม่ขาดทุนอยู่และยังมีสัญญาอยู่ จึงมีการปิดกองบรรณาธิการฮูเท่านั้น ส่วนอื่นยังทำหน้าที่ต่อไป ไม่ได้ยุบ
ด้าน น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม ผู้จัดการทั่วไปดูแลสายงานบัญชี บริษัทไทยซัมมิท โอโต้พาร์คอินดัสตรี จำกัด ชี้แจงว่า ทำงานบริษัทนี้มา 15 ปี ซึ่งหลักการ ๆ โอนหุ้น เมื่อมีการโอนหุ้นแล้ว ก็ได้มีการลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น และนำเอกสารไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่บริษัทเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ตนจึงไม่ได้เป็นผู้นำส่งสำเนาทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเรื่องหุ้นที่ผ่านมา มีไม่มาก มีปีที่ผ่านมาค่อนข้างเยอะ ยอมรับว่าตนลงนามเป็นพยานในการโอนหุ้นวันที่ 8 มกราคม 2562 โดยเดินทางไปถึงบ้านนายธนาธร พร้อมกับน.ส.กานต์ฐิตา และได้ร่วมตรวจสอบตราสารการโอนหุ้นว่าการโอนจากผู้โอน ผู้รับโอน ชื่อ มูลค่าหุ้น ถูกต้องหรือไม่ และร่วมลงนามในเอกสารระหว่างผู้โอน ผู้รับโอน โดยไปบ้านนายธนาธรกับ น.ส.กานต์ฐิตา ประมาณเวลา 17.00 น. พร้อม ๆ กับที่นางสมพร เดินทางมาถึง ซึ่งขณะนั้นทนายความรออยู่ภายในบ้านก่อนแล้ว
น.ส.ลาวัลย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเป็นพยานในการโอนหุ้นวันที่ 14 มกราคม ระหว่างนางสมพรกับหลานชายทั้งสองคน ที่บ้านนางสมพร ซึ่งมีบ้านอยู่ตรงกับข้ามกับบ้านนายธนาธร ในหมู่บ้านเลคไซด์วิลล่า 2 โดยวันดังกล่าว นางสมพรอยู่ภายในบ้านอยู่แล้ว มีนายพิพัฒน์พงศ์ ทนายความ ตนเอง น.ส.กานติ์ฐิตา และนายทวี นายปิติ จรุงสถิตย์พร หลานชายทั้งสองคนเดินทางมาสมทบตามลำดับ และยังเป็นพยานในการโอนหุ้นคืนระหว่างหลานชายทั้งสองคนกับนายสมพร วันที่ 21 มีนาคม ซึ่งทั้ง 3 ครั้งเมื่อโอนเสร็จ จะมีการลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นบริษัท
ด้าน น.ส.กานติ์ฐิตา อ่วมขำ กล่าวว่า รับผิดชอบงานด้านการเงิน บริษัทไทยซัมมิทโอโต้พาร์ค อินดัสตรี มา 22 ปี การโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคม 2562 ตนอยู่ในเหตุการณ์ โดยเดินทางไปพร้อม น.ส.ลาวัลย์ ถึงบ้านนายธนาธร เวลา 17.00 น. โดยช่วงปลายปี 2561 ทราบข้อมูลว่าจะมีการโอนเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นใน 10 บริษัท รวมถึงบริษัทวี-ลัค มีเดีย ในฐานะฝ่ายการเงินของบริษัท จึงต้องเข้าไปรับทราบ โดยยอมรับว่าได้ลงนามเป็นพยานในตราสารการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดียว วันที่ 8 มกราคม 2562 และเป็นพยานการโอนหุ้นระหว่างนางสมพร กับหลานชายในวันที่ 14 มกราคม 2562 และการโอนคืนระหว่างหลานชายมายังนางสมพร วันที่ 21 มีนาคม 2562
จากนั้น ศาลฯ เบิกตัวนายปิติ จรุงสถิตพงศ์ (หลานเอ) ขึ้นเบิกความว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับหุ้นวี-ลัค มีเดีย อย่างไร โดยนายปิติ ยืนยัน ว่ามีการโอนหุ้นในวันที่ 14 มกราคม 2562 และโอนคืนในวันที่ 21 มีนาคม หลังการคุยแผนธุรกิจในวันที่ 19 มีนาคม ที่ประสงค์ให้นางสมพร ลงทุนเพิ่ม แต่นางสมพรไม่ตกลง ตนจึงตัดสินใจโอนหุ้นคืน โดยตนและน้องชายไปโอนหุ้นที่บ้านพักของนางสมพร ในวันดังกล่าว มีพนักงานบริษัทไทยซัมมิทและทนายความเป็นพยาน ส่วนเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นนั้น ตนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จัดทำ แต่คิดว่าทางบริษัทไทยซัมมิทเป็นผู้ดำเนินการ โดยในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 19 มีนาคม มีรายละเอียดเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น 5 คน ทั้งนี้การโอนรับหุ้นในวันที่ 14 มกราคม 2562 และโอนคืนในวันที่ 21 มีนาคม ไม่มีการชำระเงินใด ๆ กับหุ้นตัวนี้
ส่วนนายทวี จรุงสถิตพงศ์ (หลานบี ) เบิกความว่า ตนมีอาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว กรณีบริษัทวี-ลัค มีเดียนั้น ตนเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะได้รับหุ้นมาจากนางสมพร โดยในวันที่ 14 มกราคม 2562 ทำสัญญาโอนหุ้นที่บ้านนางสมพร ซึ่งมีการเตรียมเอกสารไว้พร้อมแล้ว โดยตนรับโอนหุ้นมาเพื่อฟื้นฟูกิจการ นำธุรกิจมาทำใหม่ เนื่องจากตนเรียนจบสาขานิเทศศาสตร์ หลังจากได้รับมอบหมาย ได้ใช้เวลาอยู่สักพักหนึ่งในการวิเคราะห์แผนธุรกิจมานำเสนอ 2 แนวทาง คือ การปรับโครงสร้างจากสื่อสิ่งพิมพ์มาเป็นอีบุ๊ค หรือเพิ่มเป็นผู้พิมพ์ด้วย เนื่องจากมีเทคโนโลยีการพิมพ์แบบใหม่ ๆ แต่ทั้ง 2 แนวทาง นางสมพร ต้องเพิ่มเงินลงทุน ต่อมาเมื่อนางสมพรตัดสินใจไม่ทำธุรกิจต่อ ตนจึงโอนหุ้นคืนให้ในวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งในวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่บัญชีกับทนายความร่วมเป็นพยาน โดยในการโอนหุ้นไม่มีการชำระเงินค่าหุ้นแต่อย่างใด
หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนพยาน 10 ปาก ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ศาลได้แจ้งคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายว่าศาลนัดฟังคำวินิจฉัยคดีนี้ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.00 น. และให้คู่กรณีส่งคำแถลงปิดคดีภายในเวลา 15 วัน นับจากวันนี้ (18 ต.ค.).-สำนักข่าวไทย