กรุงเทพฯ 27 ก.พ. – เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เผยอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ สั่งเรียกสำนวนคดีโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์“” คืนจากอัยการแล้ว ป้องกันกระทบต่อความยุติธรรมของศาล
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า น.ส.พนิดา อัยการเจ้าของสำนวน ต้องการให้สำนักงานศาลฯ แจ้งข้อมูลผ่านสื่อมวลชนว่า ปัจจุบัน นายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งเรียกสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ ที่มี น.ส.พนิดา เป็นเจ้าของสำนวน กลับคืนแล้ว โดยจะมีการมอบสำนวนคดีดังกล่าวให้ผู้พิพากษาคนอื่นเป็นผู้ทำคำพิพากษาแทนตามระเบียบเเละกฎหมาย โดยเหตุผลการเรียกคืนสำนวน เนื่องจากเหตุดังกล่าวเป็นเรื่องกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมของศาล เกรงว่าคนภายนอกจะเข้าใจผิดในการทำงานของศาล ซึ่งที่ผ่านมาก็มีสื่อมวลชนโทรศัพท์มาขอสัมภาษณ์ น.ส.พนิดา เรื่องการทำคำพิพากษาเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการประสานมายังตน เพื่อช่วยสื่อสารต่อให้เข้าใจว่า การทำงานของผู้พิพากษาต้องมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง ในเรื่องการพิจารณาพิพากษาคดี ผู้พิพากษาไม่สามารถให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนได้ตามระเบียบ อีกทั้งเมื่อมีการโอนสำนวนไปแล้ว จึงขอร้องว่าอย่าได้มีการติดต่อไปยังท่านอีกเลย
สำหรับคำสั่งโอนคดีดังกล่าวเป็นไปตามพระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 33 วรรคหนึ่ง หมวด 4 เรื่อง การจ่าย การโอน และการเรียกคืนสำนวนคดี ที่บัญญัติว่า การเรียกคืนสำนวนคดีหรือการโอนสำนวนคดีซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบขององค์คณะผู้พิพากษาใด ประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จะกระทำได้ต่อเมื่อเป็นกรณีที่จะกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมในการพิจารณา หรือพิพากษาอรรถคดีของศาลนั้น และรองประธานศาลฎีกา รองประธานศาลอุทธรณ์ รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น หรือผู้พิพากษาที่มีอาวุโสสูงสุดในศาลจังหวัด หรือผู้พิพากษาที่มีอาวุโสสูงสุดในศาลแขวง แล้วแต่กรณี ที่มิได้เป็นองค์คณะในสำนวนคดีดังกล่าวได้เสนอความเห็นให้กระทำได้. – สำนักข่าวไทย