นนทบุรี, กรุงเทพฯ 25 ก.ย.-“ตี๋-คิว” เจ้าของบ้านที่จัดปาร์ตี้ ย่านบางบัวทอง สาบานที่ศาลหมู่บ้าน ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ “ลันลาเบล” ส่วนกรณี “น้องเดียร์” ก็ไม่เกี่ยวข้องเช่นกัน ไม่มีห้องเชือดแน่นอน ยินดีหากโซเชียลฯ จะขุดประวัติ ยืนยันบริสุทธิ์ใจ
บ้านที่จัดปาร์ตี้ ในหมู่บ้านพฤกษา 3 ภายในซอยวัดลาดปลาดุก “ตี๋ และคิว” มาจุดธูปสาบานที่ศาลของหมู่บ้าน ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลันลาเบล หลังจากไหว้เสร็จเผยว่าสบายใจมากขึ้น ยืนยันบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เป็นกลุ่มมาเฟีย ไม่ได้เป็นลูกหลานตำรวจ กรณีน้องเดียร์ไม่ได้คุยกัน ยืนยันว่าชุดชั้นในถ้าถูกถอดจริงตำรวจต้องหาเจอแล้ว ไม่มีห้องเชือดแน่นอน ยินดีถ้าโซเชียลฯ จะขุดประวัติ ขุดได้เลย ยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเดียร์ และการตายของลันลาเบล
มีรายงานว่า ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จะเรียกตัวนายตี๋ และนายคิว เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ขณะที่เทศบาลเมืองบางคูรัด จ.นนทบุรี ยืนยันจะเข้าแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับบ้านที่ก่อเหตุ ฐานก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมสั่งห้ามใช้งานในพื้นที่ดังกล่าว จนกว่าจะมีการยื่นชี้แจงและขออนุญาต หากไม่ดำเนินการภายใน 30 วัน เตรียมสั่งรื้อถอนตาม พ.ร.บ.อาคาร
เสวนาถอดบทเรียนลันลาเบล
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิธีรนารถ กาญจนอักษร มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และเครือข่ายปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงทางสังคม จัดเวทีเสวนา “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับพฤติกรรมดื่มหนักดื่มเร็ว และการคุกคามทางเพศ” โดยถอดบทเรียนจากกรณีการเสียชีวิตของพริตตี้สาว พบข้อมูลการดื่มหนัก ดื่มเร็ว ที่อาจมีการจูงใจบังคับดื่มหรือแข่งดื่ม ทั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมตัวแทนเครือข่ายเยาวชนและผู้เข้าร่วมช่วยกันพับนกกระดาษ อ่านบทกวี และยืนสงบนิ่งเป็นการให้เกียรติและไว้อาลัยผู้วายชนม์
นางสาวเอ (นามสมมติ) อดีตสาวเชียร์เบียร์ที่คลุกคลีกับวงการพริตตี้สายเอ็น กล่าวว่า จากที่ได้เข้าไปสัมผัสโดยตรงและคนรอบข้าง พบว่าวงการนี้มีความเสี่ยงและผลประโยชน์อย่างมาก เป็นอาชีพที่ทำเงินได้ง่าย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกลวนลามคุกคามทางเพศ ส่วนตัวเชื่อว่ามีจำนวนมากเลยที่ถูกล่วงละเมิดไปจนถึงถูกข่มขืน แต่ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาบอกความจริง และก็นึกไม่ออกว่าใครจะช่วยได้ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดภาวะย่ามใจ และกระทำซ้ำกับคนอื่นๆ อีก กลายเป็นวงจรที่ไม่จบสิ้น
น.ส.นัยนา สุภาพึ่ง ผอ.มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร กล่าวว่า มองว่าคดีการเสียชีวิตของลันลาเบลมีนัยที่สำคัญต่อสังคม รวมทั้งโลกโซเซียล ต่างเรียกร้องให้หาความจริง ทำให้เราต้องลุกขึ้นมาว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ต้องลบมายาคติของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกันระหว่างหญิงและชาย ดังนั้น ผู้บริหารหรือผู้ที่มีอำนาจในบ้านเมืองจะต้องเข้ามาจัดการออกกฎหมายคุ้มครองทุกอาชีพ เพื่อให้ผู้หญิงที่มีอาชีพต่างๆ เช่น พริตตี้ ได้มีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต
นพ.ธีรยุทธ รุ่งนิรันดร ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเสี่ยงต่อการเกิดแอลกอฮอล์เป็นพิษ หากดื่มเกินปริมาณส่งผลต่อประสาท การเคลื่อนไหว เสี่ยงต่อการหยุดหายใจ
นพ.พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า รูปแบบการดื่มในปัจจุบันค่อนข้างเปลี่ยนไปมาก หากเป็นลักษณะจัดแข่งขันดื่มกันเองที่บ้าน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ไม่สามารถเอาผิดได้ แต่หากเป็นการดื่มในร้าน มีการเชียร์ให้ดื่ม แข่งดื่ม จัดโปรโมชั่น ส่งเสริมการขาย อันนี้ผิดมาตรา 30 และมาตรา 32 แน่นอน ส่วนกรณีนี้มีโทษทางอาญาร่วมด้วย เพราะทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย.-สำนักข่าวไทย