รัฐสภา 11 ก.ค.- สส.รัฐบาล-ฝ่ายค้าน ยื่นญัตติด่วนถอดบทเรียน “ไฟไหม้ตรอกโพธิ์ เยาวราช” จี้ นายกฯ เยียวยาให้เร็วที่สุด ฝากพิสูจน์หลักฐานวินิจฉัยสาเหตุ-วางแนวทางป้องกันในอนาคต
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องการแก้ไขปัญหาและการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ที่เยาวราช ซึ่งนายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ นอกจากนี้ ยังมีญัตติด่วน เรื่อง พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาและเยียวยาผลกระทบกรณีเหตุเพลิงไหม้ชุมชนแออัดและชุมชนเก่าในกรุงเทพมหานคร ซึ่งนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ และญัตติทำนองเดี่ยวกัน ซึ่งยังไม่ได้บรรจุระเบียบวาระ จำนวน 1 ญัตติ
โดยนายปารเมศ เสนอหลักการ โดยเปิดภาพวินาทีไฟไหม้ตรอกโพธิ์ พร้อมระบุว่าในอนาคตอาจจะไม่เคราะห์ดีเช่นนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้ประสบภัย 344 ราย 198 ครอบครัว 66 ครัวเรือน ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ซึ่งตนได้มีโอกาสพูดคุยกับคนหลายคนที่ประสบภัย เราต้องสูญเสียบ้านในความทรงจำ ได้แต่มอง ไม่สามารถทำอะไรได้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลด และทำให้เราหวนคิดถึงการรับมือกับภัยพิบัติอย่างจริงจัง โยชุมชนตรอกโพธิ์นี้ เป็นชุมชนเก่าแก่กว่า 60 ปี การเข้าถึงพื้นที่ในชุมชนทำได้ลำบาก ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าพื้นที่ได้ยาก เพราะพื้นที่เป็นชุมชนแออัด ตนจึงอยากให้ถอดบทเรียน เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา
“กทม.เป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจที่คนอยู่กว่า 10 ล้านคน เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก แต่จากสถิติการเกิดอัคคีภัย ในระยะเวลา 6 เดือนกว่าเท่านั้น แต่จำนวนเหตุเพลิงไหม้ใกล้เคียงกับปี 2566 ทั้งปี ดูแล้วก็ตกใจ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่เราไม่สามารถมองข้ามได้ ผมได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน กทม. เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำได้เต็มที่ ตามข้อจำกัดด้วยตนเอง จึงอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มาดูปัญหาด้วยตัวเอง เนื่องจากเป็นปัญหาระดับประเทศ” นายปารเมศ กล่าว
นายปารเมศ ย้ำว่าสิ่งสำคัญคือการสื่อสาร ที่ผ่านมายังไม่มีการประสานงานแบบศูนย์กลาง จึงขาดความแม่นยำ รวดเร็วและถูกต้อง เช่น หากเกิดเหตุ รถจากหลายหน่วยงานจะกรูกันเข้ามา หรือการช่วยเหลือประชาชน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือประชาชนซ้ำซ้อน ทำให้เสี่ยงต่อตัวเจ้าหน้าที่ด้วย ดังนั้นเราควรตั้งศูนย์ประสานงานที่มีประสิทธิภาพ
“ผมก็มีคำถามที่อยากทวงถาม นายกรัฐมนตรี ที่ท่านได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ในการเยียวยาผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด แต่ปัจจุบันยังล่าช้า ผมเข้าใจว่ากระบวนการต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่เอกสารสิทธิต่างๆ ไหม้ไปกับเพลิงในบ้านเขาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ผมอยากจะทวงถาม ติดตาม เร่งรัดให้กับผู้ประสบภัยทุกท่าน การเยียวยาที่ล่าช้านั้นเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัย ฉะนั้น อยากจะฝาก วิงวอนไปยังท่านนายกรัฐมนตรีครับ” นายปารเมศ กล่าว
นายปารเมศ ยังฝากไปถึงกองพิสูจน์หลักฐาน ว่าสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้คืออะไร เพื่อนำต้นเหตุมาวางมาตรการในอนาคต รวมถึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าร่วมซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพิ่มมากขึ้น
ด้านนางสาวธีรรัตน์ ย้อนเหตุการณ์ระเบิดโรงงานสารเคมีหมิงตี้ พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้น ประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง ตนไปดูที่เกิดเหตุก็เกิดความคิดว่าหากไม่ป้องกันเพียงพอก็จะเกิดความเสียหายมหาศาล ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดที่เยาวราช ชุมชนตรอกโพธิ์ ปัญหาคือการเข้าถึงพื้นที่ แม้มีประปาหัวแดงเพียงพอ แต่การช่วยเหลือยังเป็นที่ไม่น่าพอใจ เพราะประชาชนยังไม่เข้าใจการใช้งาน มีความจำเป็นต้องสร้างอาคารใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องมาอำนวยความสะดวก โดยพื้นที่เยาวราชนี้ จะไม่ให้ตนพูดถึงคงไม่ได้ คือการที่ ลิซ่า ศิลปินระดับโลก มาถ่ายทำ MV ทำให้เสริมสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ตนจึงคิดว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่หนึ่งที่เป็นยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องฟื้นฟู ดูแลความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงเร่งโปรโมตจุดท่องเที่ยวด้วย
นางสาวธีรรัตน์ ยังกล่าวถึงเหตุถังดับเพลิงระเบิดกลางโรงเรียนใน กทม. โรงเรียนหนึ่ง ขณะซักซ้อมแผนดับเพลิง ตอนนั้น กทม. เรียกถังดับเพลิงที่ไม่ได้คุณภาพกลับคืนไป แต่ยังไม่ได้เอามาเติม โดยได้รับแจ้งว่ายังไม่ได้จัดซื้อจัดจ้าง ตนขอให้ กทม.ได้เร่งดำเนินการเติมให้ครบด้วย
ภายหลังการเสนอหลักการ ได้มี สส. พรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลลงชื่ออภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยทุกคนมีความเห็นตรงกัน คือต้องหาแนวทางการป้องกันในระยะยาว และซักซ้อมแผนการรับมือเมื่อเผชิญเหตุ.-315 -สำนักข่าวไทย