เซ็นทรัลเวิลด์ 24 ก.ย.-นักวิชาการชี้บทบาทสื่อในการนำเสนอข่าวพริตตี้เสียชีวิต ไม่ฉายภาพวงจรปิดซ้ำเพื่อดึงเรตติ้ง ย้ำทำร้ายครอบครัวเหยื่อทางอ้อม ขณะที่ผู้บริโภคควรตรวจสอบข่าวก่อนแชร์ ไม่ตกเป็นเครื่องมือสื่อปลอม
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดเผยถึงบทบาทสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวพริตตี้เสียชีวิตว่า ประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจและเป็นธรรมดาที่สื่อมวลชนทุกสำนัก จะ ต้องแข่งขันการนำเสนอข่าว บางครั้งเราจะเห็นได้ว่า จะมีการนำเสนอภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ฉายวนซ้ำ จนอาจจะเกิดผลเสียต่อครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิต ตนมองว่าในกรณีนี้สื่อควรนำเสนอในข้อเท็จจริงโดยยึดหลักพื้นฐานของจริยธรรมจรรยาบรรณสื่อมากกว่าที่จะเน้นขายข่าวหรือสร้างเรตติ้ง
โดยเฉพาะในโลกวันนี้ที่นิเวศสื่อได้เปลี่ยนไป มีช่องทางในการสื่อสารมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการที่สื่อมวลชนเองยังคงต้องตระหนักในบทบาทของตนในการเป็นที่พึ่งของสังคมและนำเสนอข้อเท็จจริง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวแหล่งข่าว ซึ่งภารกิจของกองทุนฯ ที่ผ่านมาคือการส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าใจและใช้ประโยชน์จากสื่อได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพราะหากสื่อที่มีอยู่ในสังคมไม่ได้ถูกใช้อย่างสร้างสรรค์และประชาชนไม่รู้เท่าทันหรือรู้จักเฝ้าระวังสื่อก็จะอาจจะตกเป็นเครื่องมือของสื่อปลอม
ด้าน ผศ.วรัชญ์ ครุจิต อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า จากในอดีตช่องทางการสื่อสารถูกจำกัดอยู่แค่ในสื่อใหญ่ๆ เช่น โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ ปัจจุบันช่องทางการสื่อสารต่างๆ เปิดกว้างมากขึ้น ใครที่มีอุปกรณ์สื่อสารในมือก็สามารถเป็นสื่อได้ด้วยตัวเองผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็น การถกเถียง และการแพร่กระจายข่าวสารออกไปได้อย่างอิสระรวดเร็วและแพร่หลาย บ่งบอกว่าการนำเสนอข่าว ไม่ว่าจะเป็นข่าว พริตตี้เสียชีวิต หรือข่าวน้ำท่วม ฯลฯ อาจจะเป็นเหมือนดาบสองคม ที่มีทั้งประโยชน์และโทษ โดยในบทบาทของสื่ออาจต้องมีการนำเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสังคม ก่อนนำเสนอควรจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วน
ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ควรต้องเสพสื่ออย่างรู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเครื่องมือ ของสื่อที่อาจต้องการขายข่าว ตนมองว่าทั้งสื่อมวลชนเองและผู้บริโภคเองควรจะต้องรู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้วยการใช้วิจารณญาณของตนเองก่อนรับสารหรือส่งต่อข่าวสารเหล่านั้นออกไป .-สำนักข่าวไทย