จุฬาฯเสวนา ‘ทุเลาความรุนแรงและความเกลียดชังในสังคมไทย’

จุฬาฯ3ก.ค.-ในเวทีเสวนา นักวิชาการย้ำไทยเผชิญความเกลียดชัง วาทกรรมความขัดแย้งเกิดจากความยั่วยุเหมารวม พบมากหลังเลือกตั้ง ด้านสื่อมีบทบาทเลือกพูดความจริงหรือฆ่าความจริง  ขณะที่องค์กรสิทธิเผย ตั้งเเต่ปี 61 นักกิจกรรมโดนทำร้ายกว่า 15 ครั้ง ล่าสุดกรณี ‘จ่านิว’ ย้ำอยากเห็นการเคารพสิทธิการ เเสดงออกซึ่งกันเเละกัน


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดเวทีจุฬาฯเสวนา ครั้งที่21เรื่อง “ทุเลาความรุนแรงและความเกลียดชังในสังคมไทย”เพื่อเผยเเพร่ความรู้จากนักวิชาการเเละผู้เชี่ยวชาญที่วิเคราะห์ถึงปัญหา สาเหตุเเะลผลกระทบจากการเมืองในปัจจุบันที่มีการเเบ่งขั้น จนทำให้เกิดความรุนแรงการคุกคาม ทำร้ายนักกิจกรรมทางการเมือง การตรวจสอบนักการเมืองฝ่ายที่เห็นต่างจากรัฐบาล ตลอดจนการใช้คำพูดในลักษณะ Hate Speech โดยมองข้ามการเคารพสิทธิเเละเสรีภาพในการเเสดงความเห็น เพื่อนำไปสู่การหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม


นางพิรงรอง รามสูต รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลวาทะกรรมที่สร้างความเกลียดชัง(Hate Speech)ในสังคมไทยพบว่า มี 4 ระดับ ซึ่งความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อปี 2553 พบว่าวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังอยู่ที่ระดับ 3 คือมีการยั่วยุให้เกิดความเกลียดชัง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นยุยงให้กระทำความรุนแรง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2562 ล่าสุดนี้จะอยู่ในระดับใดก็ไม่สามารถบอกได้ ซึ่งไม่ใช่แค่การสบถ แต่เป็นการยั่วยุ เหมารวม โดยพบมากช่วงหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีการผูกโยงกับข่าวลวง ข่าวเท็จ พยายามให้เกิดผลกระทบกับมติมหาชนทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น อีกวิธีการที่พบคือมีการสร้างเฮชสปีดในกลุ่มคนที่มีความเห็น ความเชื่อเหมือนกันเพื่อให้เกิดการตอกย้ำความเชื่อนั้นๆ 


นายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ หัวหน้าสาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คนเราเห็นบางอย่างก็จะตัดสินใจได้เลยว่าชอบหรือไม่ชอบ เหตุผลที่ทำให้กลุ่มเกลียดชังยังทำงานได้ ไม่เกี่ยวกับการศึกษาหรือเรื่องเหตุผลใดๆ ปัจจัยที่ทำให้มีการสุดโต่งเกิดขึ้นคือ เกิดจากปัจจัยในครอบครัวหรือการรับรู้ซ้ำๆที่ทำให้ความเกลียดชังเติบโตขึ้น  ไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ความเกลียดชัง เวลาเห็นเหตุการณ์ อย่างกรณีการทำร้ายจ่านิว คนในสังคมเห็นอะไร มุมนึงมองแอนตี้ ฮีโร่ รับเงิน สำหรับตนเห็นว่า เป็นเด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องเรียนในคณะรัฐศาสตร์ สุภาพอ่อนโยน ตนเห็นการทำร้ายเป็นความป่าเถื่อน เห็นความจริง เห็นนักกิจกรรมที่เเสดงความเห็นถูกทำร้าย เเต่ปัจจุบันคนในสังคมมีการมองเรื่องที่เกิดขึ้นในมิติเดียว ความขัดเเย้งในสังคมไทยเป็นความขัดเเย้งยืดเยื้อ ในบริบทความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกัน ทำให้คนออกจากกับดักนี้ไม่ได้  ทำให้เกิดความทุกข์ระบายด้วยการด่าด้วยคำหยาบคาย โดยเฉพาะในออนไลน์ที่มีการเเสดงตัวตนได้ง่าย ความเกลียดมีคุณสมบัติพิเศษที่ส่งต่อผ่านกันได้ เเพร่ต่อๆ กันได้เรื่อยๆ ทำให้สายสัมพันธ์ในสังคมกร่อนไปได้ทุกที หากทุกคนมองเป็นปัญหาเป็นยาพิษ ก็ควรช่วยกันแก้เเละศึกษาการหยุดเเพร่ระบาดความเกลียดนี้กันได้อย่างไร

นางฉันทนา บรรพสิริโชติ หวันแก้ว กรรมการก่อตั้งศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในช่วง10 ปีที่ผ่านมา พบมีเเบบเเผนความรุนเเรง การขัดแย้ง เริ่มจากการโต้เถียง การทำร้ายร่างกายคนที่เห็นต่าง รวมไปจนถึงบางประเทศมีบัตรอนุญาตให้ทำร้ายร่างกาย ซึ่งถือเป็นการไม่เคารพสิ่งที่เห็นต่าง  มองว่าในทุกความขัดเเย้ง   มีกระบวนการแก้ไขใน 4 ประเด็น คือต้องไม่ใช้ความรุนแรง สร้างความไว้วางใจ ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  เอาคนผิดเข้าสู่กระบวนการเเละความอดทน  ความขัดเเย้งหรือความเกลียดชังในปัจจุบัน อาจมาจาก มายาคติจินตนาการ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นหลากหลายในสังคม ดังนั้นความอดทนเป็นปัจจัยลดความขัดเเย้งที่น่าสนใจเพราะยิ่งในสังคมที่มีความหลาก หลายมาก หากเริ่มไม่อดทนกับความเห็นต่าง ก็อาจจะเกิดความขัดเเย้งได้ง่าย

ขณะที่นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ นักเขียนรางวัลศรีบูรพาและอดีตผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ PPTV กล่าวว่า เมื่อเกิดวิกฤตไม่ว่าทางสังคม เศรษฐกิจหรือการเมือง สื่อมีทางเลือก 2 อย่างคือฆ่าความจริงหรือพูดความจริง ความขัดเเย้งที่เกิดขึ้น วิกฤตการเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ซึ่งสื่อบางกลุ่มก็จะนำเสนอความจริง บางสื่อไม่พูดถึงเลือกเเต่งเรื่อง เพราะคนไทยชอบดราม่าเเละคนไทยถูกสอนมาตั้งเเต่เด็กว่าให้เชื่อเเละฟัง ฟังเเล้วต้องเชื่อ ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตกลายเป็นดราม่าที่จบไป เเต่ไม่เกิดการตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เเละอีกปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือถึงไม่ฟังก็ตัดสินใจเชื่อเเล้ว ดังนั้นสื่อมวลชนมีหน้าที่รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่มีอำนาจเเละปกป้องคนที่อ่อนเเอกว่าเเละกลั่นกรองก่อนให้ข้อมูล เเต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเเต่ละสื่อที่ออกไปมีวาระซ่อนเร้น มีผลประโยชน์เข้ามาครอบงำ 

ขณะเดียวกันก็มีสื่อที่มีจรรยาบรรณเช่นกัน เเต่สิ่งหนึ่งที่ตนยืนยันคือความน่าเชื่อถือของสื่อจะเป็นตัวคุ้มกันสื่อเอง เเละจะทุเลาความรุนเเรงในสังคมได้ มีพื้นที่ให้คนที่เป็นกลางได้เเสดงความเห็น ไม่ใช่ให้ใครครอบงำสื่อ อย่างกรณีจ่านิว ตนมองมีข้อดีเกิดขึ้น มีคนในสังคมที่ไม่เลือกข้างได้เเสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง มองถึงปัญหาการก้าวล่วงสิทธิมนุษยชนมากกว่าเรื่องทางการเมือง 

ส่วนนางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า เเอมเนสตี้อยากเห็นการเคารพสิทธิมนุษยชนซึ่งกัน เเละกันของคนในสังคม เเละอยากให้รัฐเห็นความสำคัญเพื่อให้เกิดการปกป้องคุ้มครองประชาชนจากรัฐ เเต่สิ่งที่เกิดขึ้น เพียงครึ่งปีเเรกนี้ มีการทำร้ายร่างกายเเละข่มขู่นักกิจกรรม นักสิทธิมนุษยชนถึง 9 ครั้ง ส่งผลต่อความรุนแรงทั้งทางร่างกาย จิตใจ ถูกข่มขู่ รุมด่า ไซเบอร์บูลลิ่ง อย่างเเอมเนสตี้เอง มีกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิ ยังถูกเฮชสปีชเยอะ ทั้งด่าทอ ข่มขู่ วางพวงหรีด ใครที่ออกมาพูดแทนแอมเนสตี้ก็จะโดนคล้ายกัน จากการตั้งข้อสังเกตเพราะทุกคนโกรธหวาดกลัว แล้วคิดว่าเราไปช่วยโจรหรือไม่ แม้จะอธิบายแต่ก็ไม่มีใครฟังจนมีการสร้างเพจต่างๆ ล้อเลียน นำสู่ความวิตกกังวล เพราะกลายเป็นการเข้าใจผิดและชี้นำให้เกิดความรุนแรง หากเป็นหญิงที่ออกมาเคลื่อนไหวจะถูกโจมตีหนักถึงเรื่องเพศด้วย 

สำหรับความรุนแรงทางการเมือง เฉพาะปี 2561 ถึงตอนนี้พบมีการทำความรุนแรงทางร่างกายแล้ว 15 ครั้ง ล่าสุดที่เกิดกับจ่านิวที่โดนความรุนแรงทางกายภาพไม่พอ ยังโดนความรุนแรงรอบสองจากวาทกรรมทางออนไลน์ รวมถึงนักกิจกรรมคนอื่นๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองก็โดนด้วย แต่จะเห็นว่าแม้คนเหล่านี้ถูกกระทำกี่ครั้ง ก็ยังยืนยันในจุดยืน แต่พื้นที่ในการแสดงออกเริ่มถูกกบีบให้ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งหากถูกบีบไปเรื่อยๆ แล้วความหวังที่จะลดความรุนแรงจะเกิดขึ้นได้จริงๆ หรือไม่ 

ทั้งนี้ ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่อยากเห็นในฐานะองค์กร คืออยากเห็นเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นของทุกฝ่ายไม่ว่าจะเห็นต่างกันก็ตาม หากเราเคารพสิทธิคนอื่น ก็จะมองเห็นคนอื่นเป็นมากขึ้น อย่างกรณีจ่านิว แม้จะไม่เห็นด้วยอย่างไร แต่ก็ไม่ควรถูกทำร้ายร่างกาย และหากจับคนผิดไม่ได้ วันหนึ่งเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดกับเราคนใดคนหนึ่งได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้เสียหายรวมตัวถามความคืบหน้าซื้อขายทอง จากร้านดังแล้วไม่ได้ทอง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – ผู้เสียหายกว่า 30 ราย บุกทวงถามความคืบหน้าคดีซื้อขายทอง จากร้านชื่อดังแล้วไม่ได้ทอง ยอดความเสียหายพุ่งกว่า 700 ล้านบาท พ้อเดือดร้อนอย่างหนัก ผู้เสียหายจากการซื้อขายทองคำรายย่อยจากทั่วประเทศกว่า 30 ราย จากการซื้อขายกับร้านทองชื่อดัง ย่านเยาวราช พร้อมนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เข้าติดตามความคืบหน้าคดีฉ้อโกงซื้อขายทองคำ ที่ศูนย์แจ้งความกองบัญชาการสอบสวนกลาง นายปานเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้รวมมูลค่าความเสียหายจาการซื้อขายทองคำกับร้านทองชื่อดัง พุ่งไปกว่า 700 ล้านบาทแล้ว โดยกลุ่มผู้เสียหายมีหลายรูปแบบ ทั้งกลุ่มที่ซื้อทอง กลุ่มที่ฝากเงิน และกลุ่มที่ซื้อทองและฝากเงิน นอกจากนี้จะยื่นคำร้องขอให้สอบสวนเพิ่มเติมสอบกับ 8 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและบริษัทในเครือ พิจารณาดำเนินคดีความอาญากับผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ผู้เสียหาย ซื้อทองไม่ได้ทอง ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร กับบริษัทดังกล่าว และต้องการให้ออกหมายจับผู้กี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากกลัวจะมีการหลบหนี ส่วนการอ้างโฆษณาว่า ร้านรับซื้อทองคำให้ราคาสูงกว่าร้านอื่น การซื้อขายแต่ไม่ได้ทอง มองว่ามีเจตนาชัดเจนอยู่แล้ว การอ้างขาดสภาพคล่อง แต่ยังเปิดแอปพลิเคชั่นให้ประชาชนมาซื้อขายทองคำต่อได้อย่างไร ส่วนที่ผ่านมาทางร้านมีความพยายามเคลียร์กับผู้เสียหายรายย่อย มีการจ่ายเงินคืนไปแล้วบางรายไม่ถึงล้านบาท และตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว มองว่าเป็นแทคติกที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงจากคดีอาญาเป็นคดีแพ่งแทน […]

ทรูประกาศชดเชยลูกค้าจากเหตุขัดข้อง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – ทรูประกาศชดเชยสำหรับลูกค้า กรณีเหตุขัดข้องของระบบเครือข่ายในวันนี้ ทรูแจ้งว่าขออภัยเป็นอย่างยิ่งในเหตุขัดข้องของระบบเครือข่ายที่เกิดขึ้น ขณะนี้บริการต่างๆ ทั้งวอยซ์และดาต้ากำลังกลับมาให้บริการเต็มประสิทธิภาพได้ในทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ บริษัทขอชดเชยให้ผู้ใช้งานระบบรายเดือนและเติมเงินที่ได้รับผลกระทบจากสาเหตุเครือข่ายขัดข้อง ทั้งนี้ ผู้ใช้งานในระบบเครือข่ายทรูที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับ SMS แจ้งถึงรายละเอียดการชดเชยต่อไป โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา คณะผู้บริหารของบริษัทได้เข้าพบ กสทช.เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งแนวทางในการป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต. -511- สำนักข่าวไทย

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

จับแล้ว! มือฆ่ารัดคอพยาบาลสาวเกาะสมุย

สุราษฎร์ธานี 22 พ.ค.- จับแล้ว! มือฆ่ารัดคอพยาบาลสาวเกาะสมุย ตร.เค้นสอบ สารภาพก่อเหตุจริงก่อนขโมยรถผู้ตายหนี ความคืบหน้าคดีคนร้ายฆ่าเปลือยพยาบาลสาววัย 36 ปี ในหอพัก 2 ชั้น พื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และขโมยรถยนต์ผู้เสียชีวิตไปด้วย ซึ่งผู้ต้องสงสัยคือแฟนของผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่ห้องติดกับผู้เสียชีวิต โดยศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้ออกหมายจับนายสุวัฒน์ อายุ 30 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร ล่าสุด มีรายงานว่าชุดสืบสวน สภ.บ่อผุด สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว เบื้องต้นรับว่า เป็นบุคคลตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่ขับรถยนต์ของพยาบาลสาวไปจอดในห้างฯ และก่อเหตุฆ่าพยาบาลสาวก่อนขโมยรถยนต์ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนถึงเหตุจูงใจ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

จับตาศาลชี้ชะตา “คดีแตงโม” จำเลยมาตามนัดพร้อมเพรียง

นนทบุรี 23 พ.ค.- ศาลจังหวัดนนทบุรี นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม ภัทรธิดา” ขณะที่จำเลยต่างเดินทางมาศาลอย่างพร้อมเพรียง. -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 23 พ.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด […]

นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดใหม่ ดึง นทท.เข้าไทย

ลอนดอน 22 พ.ค. – นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดท่องเที่ยวใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ตั้งเป้าปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้เป็น Tourism Hub ระดับโลก ชี้ 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 3.5 ล้านคน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัทท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารสายบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของไทย จากนั้น น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า ปีนี้ไทยตั้งเป้าเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้ไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก ที่ผ่านมารัฐบาลทำแคมเปญหลายอย่าง โดยเฉพาะการมุ่งเป้าทำให้การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อทริป (Spending […]

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]