กทม. 16 ก.ย.-สำรวจปั๊มหลังเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน ซาอุฯ คนไทยยังมาเติมน้ำมันตามปกติ นักวิชาการด้านพลังงาน คาดราคาน้ำมันไทยขยับ 1-2 บาท/ลิตร วิธีแก้นำเงินกองทุนน้ำมัน 4 หมื่นล้านมาอุดหนุน เชื่อราคาน้ำมันในไทยไม่ได้วิกฤติเหมือนในอดีตที่สูงถึงลิตรละ 40 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเช้าวันนี้ (16 ก.ย.) ราคาขึ้นกว่าร้อยละ 10-15 หรือ 7-0 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เหตุจากการโจมตีโรงกำจัดสารที่ไม่ต้องการของ 2 โรงกลั่นในซาอุดีอาระเบีย กระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซฯ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน หรือกว่าร้อยละ 50 ของการผลิตทั้งหมดของซาอุดีอาระเบีย และร้อยละ 5 ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก โดยราคาน้ำมันนิวยอร์ก ปรับขึ้นร้อยละ 15 ลอนดอนปรับขึ้นร้อยละ 19 คาดว่าราคาตลาดน้ำมันสิงคโปร์ ซึ่งอิงตามราคาน้ำมันโลก จะขึ้นในระดับใกล้เคียงกันกับนิวยอร์กและลอนดอน โดยประเทศไทยซึ่งอิงราคาตลาดสิงคโปร์ หากราคาน้ำมันปรับขึ้นร้อยละ 15 จะส่งผลให้ราคาขายปลีกของไทยได้รับผลกระทบขยับขึ้นประมาณ 1-2 บาท/ลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวว่า วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันโลกว่าคงไม่ถึงขั้นวิกฤติร้ายแรงเหมือนในอดีต เพราะกำลังการผลิตขณะนี้เกินความต้องการ แต่อาจทำให้การใช้อยู่ในภาวะตรึงตัว และทำให้เกิดความกังวลต่อความมั่นคงของพลังงานในตะวันออกกลาง ในส่วนของประเทศไทยหากกระทรวงพลังงานใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาดูแลให้ขยับขึ้นไม่เกิน 1 บาท/ลิตร และเพื่อลดผลกระทบจะขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันทยอยขึ้นราคาครั้งละ 50 สตางค์/ลิตร แต่การใช้เงินกองทุนน้ำมันที่ในขณะนี้มี 4 หมื่นล้านบาท ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากตามพรบ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ฉบับใหม่ อนุญาติให้สามารถนำเงินในกองทุนมาใช้ได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิกวิกฤติ แต่ต้องติดลบไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท
นายมนูญ กล่าวว่า ในส่วนของการนำเข้าน้ำมันดิบเพื่อมากลั่นในประเทศนั้น เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากปัจจุบันปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่ได้ขาดแคลน ขณะที่การนำเข้าน้ำมันดิบของไทยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าน้ำมันจากภูมิภาคตะวันออกกลางหลายประเทศ คาดว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกครั้งนี้หากจะขยับขึ้นไปอีกก็จะไม่เกิน 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจากราคาน้ำมันดิบมีสำรอง OVER SUPPLY และต้องดูว่าซาอุฯ จะกลับมาส่งออกได้เร็วเพียงใด อย่างไรก็ตาม จากความเสี่ยงมีมากขึ้นจากที่ซาอุฯ ถูกโจมตีหลายระลอกก็จะทำให้ราคาน้ำมันดิบหากลดลงก็จะไม่ต่ำกว่า ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล” นายมนูญ กล่าว
นายมนูญ กล่าวว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้คนใช้รถทุกประเภทได้รับผลกระทบอย่างเร็วที่สุดใน 2-3 วันจากนี้ แต่รัฐบาลสามารถนำเงินในกองทุนน้ำมันมาช่วยลดภาระความเดือดร้อนได้ ไม่เพียงแต่น้ำมันแต่ผู้ที่ใช้ก๊าซ แอลพีจี ก็ได้รับผลกระทบ เพราะไทยนำเข้า ก๊าซจากประเทศซาอุดิอารเบียโดยตรง ซึ่งหากปรับขึ้น ราคาจะสูงขึ้น 1-2 บาท เช่นกัน แต่ผู้ใช้ ก๊าซ แอลพีจี ยังมีเวลาอีก 14 วัน กว่าจะถึงสิ้นเดือนในการปรับตัว เพราะการสั่งซื้อมีเป็นวงรอบ และมีกองทุนน้ำมันอุดหนุนอยู่ เชื่อว่าเงินกองทุนน้ำมันหากใช้เต็มลิมิต 6 หมื่นล้านบาท จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ใช้พลังงานได้ 6 เดือน ขณะที่ภาคการขนส่งและอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง เชื่อว่าจะรับมือได้ เพราะราคาก๊าซแอลพีจีและราคาน้ำมันดีเซล จะไม่สูงเหมือนในอดีตที่ราคา 150 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล จึงขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสถานการณ์คงไม่ลำบากเหมือนอดีตอีกแล้ว ยิ่งถ้าประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางอย่างบาเรนท์หรือการ์ต้า ผลิตน้ำมันนำออกขายมากขึ้น จะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนได้
ด้านผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ได้ไปสำรวจปั๊มน้ำมัน อย่างปั้มปตท.สาขาประชาอุทิศ 2 ย่านเหม่งจ๋าย พบว่าปริมาณรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มาเติมน้ำมันยังไม่หนาแน่นหรือมากผิดปกติ โดยได้ไปพูดคุยกับพนักงานเก็บเงินประจำปั๊ม ได้รับคำตอบว่ามีลูกค้ามาสอบถามเรื่องสถานการณ์ที่ซาอุดิอาระเบียบ้าง แต่เมื่อได้รับคำตอบว่าวันพรุ่งนี้น้ำมันยังไม่ขึ้น ก็เติมตามปกติ ทั้งนี้หากบริษัทจำหน่ายน้ำมันจะมีการปรับราคา จะมีการเปลี่ยนราคาในเวลา 05.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ในวันนี้จะมีคนมาเติมน้ำมันมากในช่วงเย็น แต่วันนี้ยังปกติ เพราะยังไม่มีการประกาศขึ้นราคายอมรับว่าราคาน้ำมันที่ผันผวนปรับขึ้นลงเป็นประจำ 30-50 สตางค์ต่อลิตรทำให้คนเกิดความเคยชิน
ส่วนผู้ที่มาเติมน้ำมันทั้งรถยนต์และรถจักรยานยน์ บอกตรงกันว่าติดตามข่าวสารเรื่องราคาน้ำมันบ้าง การปรับขึ้นราคาในที่ไม่สูงไม่ได้มีผลต่อการเติมน้ำมัน เพราะน้ำมันเป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็จำเป็นต้องเติม ดังนั้นจึงเติมตามความเหมาะสม แต่หากขึ้นสูงมากก็กระทบบ้าง แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังเชื่อว่ารัฐบาลจะดูแลได้ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่คควจจะควบคุมไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร.-สำนักข่าวไทย