สนามศุภชลาศัย 22 ส.ค.- สนามฟุตบอลของไทยยังขาดมาตรฐานและมีน้อยเกินไป อาจทำให้พลาดเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2034 ร่วมกับเพื่อนร่วมชาติอาเซียน
แนวคิดการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2034 ของ 11 ชาติในอาเซียน เกิดขึ้นมานาน เพื่อหวังช่วยพัฒนาฟื้นฟูเศรษฐกิจและยกระดับฟุตบอลในภูมิภาคนี้ แต่จนแล้วจนรอด แนวคิดดังกล่าวก็ไม่สัมฤทธิ์ผลเสียที กระทั่งการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสนอประเด็นให้ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกับชาติอาเซียนจัดฟุตบอลโลก ปี 2034 อีกครั้ง ดังนั้น ดร.ปัญญา หาญลำยวง รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงจัดประชุมหารือร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยนายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ สมาคมกีฬาฟุตบอล ชี้แจงว่า ในอนาคตฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะเพิ่มเป็น 48 ทีม และเจ้าภาพร่วมมีได้ถึง 4 ประเทศ ซึ่งตอนนี้มีประเทศออสเตรเลียกับอินโดนีเซียที่จับมือกันเป็นผู้นำในการเสนอตัว เพราะทั้งสองประเทศมีความพร้อมตามเงื่อนไขของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่ากำหนด คือสนามแข่งขันต้องมีอย่างน้อย 12 สนาม และมีอีก 16 สนามให้เลือก มีความจุ 40,000-80,000 ที่นั่ง ซึ่งขณะนี้ ออสเตรเลียมีแล้ว 7 สนาม ความจุตั้งแต่ 40,000 ถึง 100,000 ที่นั่ง ขณะที่อินโดนนีเซีย มีอยู่ 3 สนาม และสามารถขยายได้อีก 1 สนาม แต่หากต้องการเจ้าร่วมอีก 2 ประเทศ มาเลเซีย ก็พร้อมเช่นกัน ตอนนี้พวกเขามีสนามมาตรฐาน 4 สนาม หรืออาจบวกกับสิงคโปร์ ที่มีสนามกีฬาแห่งชาติความจุ 55,000 ที่นั่ง แค่นี้พร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพได้แบบสบาย ขณะที่ชาติอื่นอย่างเวียดนาม กัมพูชา ก็มีสนามที่มาตรฐานมากกว่าสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่มีความจุราว 49,000 ที่นั่งเท่านั้น
ทางออกสุดท้ายที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือต้องเร่งหางบประมาณจัดสร้างสนามแห่งใหม่ให้ได้มาตรฐาน ตามกติกาของฟีฟ่า ดร.สุริยา จินดาวงษ์ อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงต่างประเทศ จึงหาทางออกด้วยการให้รัฐบาลสนับสนุน ลงนามโดยนายกรัฐมนตรี และต้องถูกบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้ร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันต่อไป.-สำนักข่าวไทย