วอชิงตัน 2 ส.ค.- กลุ่มอุตสาหกรรมในสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีสินค้าจีนพากันประณามการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทวีตวานนี้ตามเวลาสหรัฐว่าจะเก็บภาษีร้อยละ 10 กับสินค้าจีนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.27 ล้านล้านบาท)
สมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีกแถลงว่า การเก็บภาษีล่าสุดกระทบโดยตรงต่อสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าใช้จ่ายในครัวเรือนอย่างชัดเจนที่สุด เท่ากับเป็นการเก็บภาษีผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ต้องแบกรับราคาสินค้าในชีวิตประจำวันที่ปรับขึ้นทุกอย่าง ครอบครัวชาวอเมริกันไม่ควรต้องตกเป็นตัวประกันในสงครามการค้าครั้งนี้ ด้านนายไมรอน บริลเลียนต์ รองประธานบริหารและหัวหน้ากิจการระหว่างประเทศ หอการค้าอเมริกันกล่าวว่า การขึ้นภาษีสินค้าจีนมีแต่จะยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ธุรกิจ เกษตรกร คนทำงาน และผู้บริโภคชาวอเมริกัน บั่นทอนเศรษฐกิจสหรัฐที่ควรจะแข็งแกร่ง ขณะที่นางเวนดี คัตเลอร์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการสถาบันนโยบายสมาคมเอเชียทวีตว่า การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนจะยากขึ้นหลังจากนี้ และอย่าหวังว่าจีนจะอยู่เฉย ๆ ภาษีร้อยละ 10 กับสินค้าจีน 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐบวกกับมาตรการตอบโต้จากจีนจะส่งผลรุนแรงต่อผู้บริโภค คนทำงาน ธุรกิจและเกษตรกรในสหรัฐ
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำกับสื่อที่ทำเนียบขาวหลังประกาศเรื่องขึ้นภาษีจีนว่า จีนคือฝ่ายที่ต้องจ่ายภาษี ไม่ใช่สหรัฐ สหรัฐจะเก็บภาษีจีนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ข้อตกลงการค้า และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การกำหนดเก็บภาษีครั้งใหม่ในวันที่ 1 กันยายน เป็นการให้เวลาฝ่ายจีนเพื่อให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนมาเจรจาเพื่อแก้ปัญหาด้วยตัวเองหรือไม่ ผู้นำสหรัฐปฏิเสธว่าไม่ใช่
ยูเรเชียกรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองมองว่า ทรัมป์กลับไปใช้วิธีที่เคยใช้กับจีนก่อนการเจรจานอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือจี 20 ที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมิถุนายน หวังจะมีอำนาจต่อรองเหนือกว่าจีน การใช้คำขู่ถือเป็นเดิมพันความเสี่ยงสูงของทรัมป์เพราะบ่งชี้ว่าเขาต้องการบรรลุข้อตกลงกับจีนให้ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีปีหน้า และพร้อมใช้ครื่องมือทุกอย่างเพื่อกดดันจีน แต่จีนอาจไม่ตอบสนองอย่างที่เขาหวัง เพราะจะเป็นเรื่องขายหน้าอย่างยิ่งสำหรับจีนหากทำตามคำขู่ของสหรัฐ.- สำนักข่าวไทย