ทีโอที 25 ก.ค.- นายกฯ ชี้แจงการแก้ปัญหาภัยแล้ง พยายามหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม และดูแลให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคด้วย ยืนยันการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์และรายได้ ย้อนถามรัฐบาลไหนกู้เงิน 2.2 ล้านล้าน ไปทำอะไรมาบ้าง กู้ไปกู้มา เกิดรายได้บ้างหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.05 น. ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เรื่องการแถลงนโยบายรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเรื่องการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ว่า ปัญหาเกิดจากปัจจุบันน้ำไม่เพียงพอ ฝนตกใต้เขื่อน จึงทำให้เก็บน้ำได้น้อย และมีการทำการเกษตรที่มากจนเกินไป แต่ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขในการหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม รวมถึงหาแนวทางประสานกับต่างประเทศให้มีการปล่อยน้ำเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในแม่น้ำโขง ซึ่งจากการพูดคุยกับประเทศเพื่อบ้าน พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มมากขึ้น
การที่ฝ่ายค้านท้วงติงเฉพาะเรื่องการหาแหล่งน้ำนั้น ขอชี้แจงว่ารัฐบาลพยายามบริหารจัดการน้ำ และส่งน้ำไปยังพื้นที่การเกษตรให้เพียงพอ แต่ทั้งนี้ต้องควบคุมดูแลให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคด้วย ส่วนการทำฝนหลวง ก็ได้ดำเนินการไปแล้วอย่างต่อเนื่อง กว่า 5,000 ชั่วโมง
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล ว่างบประมาณของรัฐบาลมาจากภาษีของประชาชนและมาจากเงินกู้ ซึ่งการตั้งงบประมาณแบบขาดดุลไว้ เผื่อไว้ในกรณีที่รัฐบาลอาจมีความจำเป็นต้องกู้เงิน เพื่อนำไปใช้ในการลงทุน ให้เกิดมูลค่าสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาหลายรัฐบาลก็ตั้งงบประมาณในลักษณะเช่นนี้ แต่อยากให้มองว่าสิ่งที่รัฐบาลนี้ได้ลงทุนไปนั้น จะก่อให้เกิดประโยชน์โดยเฉพาะทางเศรษฐกิจ เช่นโครงการอีอีซี ส่วนหนี้ของรัฐบาลเป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ และเพื่อการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน
“ผมถามว่า 2.2 ล้านล้าน ไปทำอะไรมาบ้าง กู้ไปกู้มา เกิดรายได้บ้างหรือเปล่า วันนี้ผมไม่อยากไปก้าวล่วง มีคดีค้างอยู่กว่าอีก 1,000 คดี เตรียมตัวไว้แล้วกัน เรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ส่วนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีของไทย เติบโตน้อยกว่า เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อบ้านนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยกว้างกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศไทยมีแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศที่ชัดเจน ซึ่งในขณะนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้พยายามที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอ แต่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า การใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้คนยากจนนั้น ซึ่งข้อเท็จจริงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือการสอนให้คนมีเหตุมีผล มีความพอประมาณ และมีภูมิคุ้มกันที่ดี การมีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ซึ่งการมีปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงนั้น มาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายที่มากเกินตัว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงการใช้ภาษาอังกฤษของตนเองที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน แม้ตนเองจะใช้ภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่ก็มีล่าม 15 คน และสามารถพูดทักทาย แต่หากพูดเก่งแต่พูดไร้สาระ ก้ไม่เกิดประโยชน์