ทำเนียบรัฐบาล 17 ก.ค.-“จุรินทร์” ยืนยันประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่บรรจุอยู่ในนโยบายเร่งด่วน
หนุนแก้ประเด็นว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาเหมือนในอดีต
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงร่างนโยบายรัฐบาล ว่า วานนี้ (16
ก.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างนโยบายที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา
โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ นโยบายที่ต้องดำเนินการในช่วง 4 ปีของรัฐบาล
และนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการภายใน 1 ปี ซึ่งหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ
คือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะถือเป็นนโยบายของทางพรรคที่ได้มีการพูดคุยตั้งแต่ในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล
รวมถึงนโยบายประกันรายได้เกษตรกร
และการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งทั้ง 3
ข้อนี้ได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาล
สำหรับรายละเอียดการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น
นายจุรินทร์ กล่าวว่า จะต้องมีจะพูดคุยกันอีกครั้ง
ซึ่งยืนยันว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ถือเป็นการแสดงเจตนารมย์ที่ชัดเจน
ส่วนใครจะเป็นผู้เริ่มต้นนั้นต้องดูในรายละเอียด อาจจะเริ่มต้นจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นผู้เสนอขอแก้ไขก็ได้
ส่วนจำเป็นต้องมีการทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น
ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญว่าจะแก้ไขในประเด็นใด
โดยมีการระบุไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญแล้วว่าประเด็นไหนต้องทำประชามติ
และประเด็นไหนไม่ต้องทำประชามติ แต่เห็นว่า ประเด็นที่ควรจะแก้ไข ควรเริ่มจาก
หมวดที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะตรงนี้ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะนำไปสู่การเร่ิมต้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หากเริ่มต้นตรงจุดนี้ได้
จะเป็นส่วนช่วยทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นในอนาคตก็สามารถทำได้
“หากไม่แก้ตรงนี้ การแก้รัฐธรรมนูญในอนาคต
นอกจากต้องอาศัยเสียงข้างมากของรัฐสภาแล้ว
ในเสียงข้างมากต้องประกอบด้วยเสียงของฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20
และต้องประกอบด้วยเสียงของวุฒิสมาชิก ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
และในบางประเด็นต้องนำไปสู่การทำประชามติด้วย ก็เหมือนกับจะเรียกว่า
สะเดาะกุญแจที่ปิดประตูตาย
เพื่อให้เข้าเงื่อนไขปกติที่รัฐธรรมนูญหลายฉบับในอดีตกำหนดไว้
โดยใช้แค่เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภาก็สามารถแก้ไขได้
เป็นการเริ่มสะเดาะกุญแจให้ประตูประชาธิปไตยเปิดออกได้
ต่อไปใครจะแก้ว่าอย่างไรก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น”นาย
จุรินทร์ กล่าว. สำนักข่าวไทย