นักวิชาการแนะรัฐบาลเร่งทำผลงานให้ชัด ภายใน 1 เดือน

ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 11 ก.ย. – นักวิชาการมอง 10 นโยบายเร่งด่วนรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นควิกวิน เล็งเห็นผลระยะสั้น ตั้งข้อสังเกต “แจกเงินหมื่น” เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจจริงหรือไม่ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ใส่-ไม่ใส่ในนโยบายก็เสี่ยง แนะรีบทำผลงานให้ชัดภายใน 1 เดือน ชี้เสถียรภาพกับความเชื่อมั่นสำคัญ


ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่จะแถลงต่อรัฐสภาตอบโจทย์ปัญหาประเทศในปัจจุบันหรือไม่ ว่า ตนคิดว่าเป็นนโยบายควิกวินของพรรคเพื่อไทยเพราะ 10 นโยบายเร่งด่วนเป็นนโยบายที่ทำทันทีและเห็นผลได้ในระยะสั้น แต่ 10 นโยบายเร่งด่วนนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหากย้อนดูในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็มีลักษณะเช่นนี้คือเรื่องนโยบายเร่งด่วนและนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ปรับโครงสร้างหนี้ SME อาชญากรรม ยาเสพติดเหล่านี้เป็นปัญหาเร่งด่วน ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่ประเด็นคือผ่านมาแล้ว1 ปีปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสคนรู้สึกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน ถึงแม้นายกฯแพทองธารจะบอกว่า ภายในสามเดือนเห็นผลแต่สำหรับตนเองมองว่า 3 เดือนอย่างช้าไป เพราะนโยบายเหล่านี้เป็นสิ่งที่แถลงมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา แต่ยังไม่เห็นผลที่เกิดขึ้นเลย อีกทั้งยังเกิดความเปลี่ยนแปลงตลอดโดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จากเดิมจะแจกทุกคน ก็ปรับมาเป็นการแจกให้กลุ่มเปราะบางก่อน สำหรับตนมองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นลักษณะควิกวิน คือทำให้เห็นผลได้เร็ว ได้คะแนนเสียงเร็วฟื้นความเชื่อมั่น ความนิยมในตัวพรรคเพื่อไทย แต่จะสำเร็จได้เร็วแค่ไหนยังมีอีกหลายปัจจัย

ส่วนการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโดยเฉพาะนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้เกิดภาพว่าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ยังคิดกระบวนการของนโยบายไม่เสร็จ ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า เป็นภาพสะท้อนอย่างชัดเจนในช่วงปีกว่าว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตกระบวนการออกแบบไม่ได้มีกระบวนการครบถ้วนทั้งหมด เงินจะมาจากไหน ดำเนินการอย่างไร นโยบายที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนรายละเอียดตลอดเวลาไหนจะการ ดำเนินการที่เสี่ยงขัดวินัยการเงินการคลัง หลังนางสาวแพทองธารได้รับการโปรดเกล้าฯ ยอมรับว่าจะเดินหน้าโครงการบนเงื่อนไขที่เป็นไปได้จึงออกมาเป็นการจ่ายเงินให้กับเปราะบางก่อน พรรคเพื่อไทยจะผลักดันนโยบายนี้ เพราะการเป็นลายเซ็นของพรรคเพื่อไทยไปแล้วมาหนึ่งปีว่าจะทำได้หรือไม่ ประกอบกับมีการตั้งงบประมาณเพิ่มเติมปีงบประมาณ 2567 เพื่อมาดำเนินโครงการ นโยบายนี้อย่างสะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยต้องการจะรักษาสัญญากับประชาชนที่ได้หาเสียงเอาไว้ถึงแม้จะมีเงื่อนไขที่ไม่สามารถทำได้เหมือนในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร จนทำให้มีข้อถกเถียงกันเยอะว่าจะนำเงินจากไหนและก็กลายเป็นการแจกเงินอยู่ดี


“คำถามคือจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจรอบใหญ่หรือไม่ นโยบายถือเป็นดาบ 2 คม ก็ไม่ได้แต่ถ้าทำแล้วก็มีข้อวิจารณ์ จากฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและจากประชาชนที่เสียภาษีด้วย” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะถึงขั้นร้องไห้หรือไม่ เมื่อมีกระแสประชาชนคิดถึงนโยบายคนละครึ่งของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นโยบายเงินจะวัดฝีมือหรือทำให้คะแนนลดลง ดร.ปุรวิชญ์ มองว่า เป็นภาพที่สะท้อนใหญ่หลวงมาก ตลอดกาลการทำงานหนึ่งปีที่ผ่านมาแทนที่คนจะมองเห็นว่าว่าโครงการ 10,000 บาทเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย กลับกลายเป็นว่าทำได้ยากเงินจะได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนที่ลงทะเบียนไปแล้วก็เกิดคำถามว่าจะได้เงินหรือไม่ ถึงปฏิเสธไม่ได้และเป็นกิริยาตามธรรมชาติ เนื่องจากโครงการคนละครึ่งเพียงแค่ลงทะเบียนและประชาชนได้นำเงินไปใช้ให้กับร้านค้า จึงเป็นภาพเปรียบเทียบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนี่จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของพรรคเพื่อไทยว่าจะทำอย่างไร อีกทั้งจะทำอย่างไรให้คนหรือภาพจำของโครงการคนละครึ่ง และ พิสูจน์ว่าโครงการดิจิทัล Wallet ดีกว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ตอนนี้ยังไม่เห็น เพราะดูแล้วเหมือนเป็นการแจกเงินปกติทั่วไป

ส่วนหนึ่งในนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ โดยหวังเอาเงินใต้ดินขึ้นมา จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ นั้น ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า นโยบายนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะมีการพูดคุยกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าในระบบเศรษฐกิจมี ภาคส่วนที่ไม่เป็นทางการหรือเงินใต้ดิน โดยหลักคิดคือนำเข้ามาอยู่ในระบบให้เสียภาษีและนำเงินเข้ารัฐ โดยเมื่อมีแนวคิดจะเริ่มทำทีไรก็จะเกิดแรงต้านทันที ทั้งกลุ่มผู้สูญเสียประโยชน์ โดยหลายเรื่องที่อยู่ในนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพ ทองธาร มีความพยายามที่จะทำมานานมากเพราะทุกคนมองเห็นถึงโอกาสที่ใหญ่ยิ่งหากนำเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการเข้าไปอยู่ในระบบได้ เม็ดเงินที่จะเข้ามาอยู่ในระบบจะมีอีกมหาศาล แต่หากทำแบบนี้จะมีคนเสียประโยชน์เยอะมาก นี่จึงเป็นความท้าทายว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนยังไม่ต้องพูดถึงกระแสสังคม ตนคิดว่าไม่ง่ายสำหรับรัฐบาล แต่ที่ต้องแถลงเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้และมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะรุ่งเรืองฟื้นฟูอีกครั้งก็ต้องเอาทุกเซกเตอร์ในสังคมมาอยู่ในระบบให้ได้ พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเช่นนั้น


เมื่อถามว่าการเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ใส่เข้าไปในนโยบายรัฐบาลถือเป็นความเสี่ยงหรือไม่ ดร.ปุรวิชญ์ เห็นว่าจะเอาใส่หรือไม่เอาใส่ในนโยบายของรัฐบาลก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว แต่การเอามาใส่เอาไว้ในคำแถลงนโยบายถือเป็นจุดตั้งต้นว่าจะทำอย่างนี้จึงประกาศแต่วันแรกที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน เพราะนโยบายคือธงนำในการบริหารประเทศ และไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์แต่ยังมีอีกหลายนโยบาย โดยหากมองลงไปจะเห็นว่าในนโยบาย เต็มไปด้วยเรื่องของเศรษฐกิจ

“หากมองในภาพใหญ่นี่คือการบูธเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หากมองย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้ว ยุทธศาสตร์นี้คือวิธีการแบบเดียวกับพรรคไทยรักไทย อีกทั้งในคำท้ายของการแถลงนโยบายอย่างมีคำว่าคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะนี่คือคำที่เป็นเครื่องหมายการค้าของนางสาวแพทองธาร” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว

ส่วนความเป็นพรรคเพื่อไทยที่ยังคงไลน์เซ่นเดิม ที่มีนโยบายลักษณะทุนนิยมประชานิยม ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วหากพูดตามตรงนี่คือกลิ่นอายเดิมของรัฐบาลพรรคไทยรักษ์ไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทั้งวิธีการนำเสนอ การขายเรื่องต่างๆที่ดูเหมือนว้าว อีกทั้งอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวคิดหลักๆก็เป็นสิ่งที่นายทักษิณเคยพูดตั้งแต่ 20 ปีและในเวทีแสดงวิสัยทัศน์เมื่อเดือนสิงหาคม

เมื่อถามถึงความเสี่ยงทั้งตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่เต็มไปด้วยนักร้องเรียน ดร.ปุรวิชญ์ มองว่า คุณจะขายอะไรก็แล้วแต่ก็ตามแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสถียรภาพกับความเชื่อมั่น เพราะตั้งแต่วันแรกที่นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี คนก่อตั้งคำถามแล้วว่าจะเป็นได้กี่วัน กี่เดือน ทั้งการเป็นรัฐบาลผสม รวมถึงการเมืองระบบโควตาจะเข้ารูปเข้ารอยกันได้มากแค่ไหน

อีกเรื่องคือนิติสงคราม ของบรรดานักร้องเรียนแค่ยังไม่ทันจะแถลบนโยบายของรัฐบาล ก็มีคำร้องกับตัวของนายกรัฐมนตรี เป็น 10 เรื่อง ทั้งตำแหน่งหน้าที่ เรื่องหุ้น เรื่องจริยธรรม เรื่อง ครอบงำพรรค แล้วบอกว่าจะยังมีอีกเยอะ มาอีกเยอะมาก แล้วแต่ว่าจะเลือกเรื่องไหนขึ้นมา จึงเป็นคำถามตอบมาว่าเสถียรภาพของรัฐบาลจะอยู่ได้นานแค่ไหน แม้ว่าจะมีโปรเจ็คใหญ่อย่างเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ อีวี ดิจิตอลอีโคโนมี่ แต่คำถามคือจะอยู่ได้กี่วัน กี่เดือน

ขณะที่เรื่องของความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล เช่น สมัยนายเศรษฐาเป็นเซลล์แมนที่ไปขายเจรจาเรื่องธุรกิจทั่วโลกแต่ปรากฏว่ายังไม่ถึงหนึ่งปีก็พ้นจากตำแหน่ง ส่วนนางสาวแพทองธารยังไม่ทันจะเข้าตำแหน่ง ก็มีมีดมาจ่อเต็มไปหมด ที่สำคัญคือระบบราชการหากเชื่อว่าอยู่ได้ไม่นาน จะเกิดระบบเกียร์ว่างได้ (ทำไปทำไมเสี่ยง) แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่านางสาวแพทองธาร อยากจะอยู่ครบ 3 ปี และมีความเชื่อมั่นจะอยู่ได้ แต่ระหว่างทางเต็มไปด้วยคำร้อง มองว่า หากมีคำร้อง 10 เรื่อง ก็อาจมีสักเรื่องที่อาจจะเข้าเป้าได้ และมีกรณีของนายเศรษฐา ให้เห็นซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดจะหลุดจากตำแหน่ง เช่นเดียวกับ นางสาวแพทองธารที่ถือว่าเป็นโจทย์ที่หนัก ไม่ง่าย ซึ่งแต่ละเรื่องบรรทัดฐานที่ผ่านมาเอาแน่เอาลงไม่ได้ ต้องเจอกับนักร้องที่ปรากฏตัว และนักร้องนิรนาม ยุบพรรค ส่วนจะป้องกันอย่างไร หรือต้องรีบดันนโยบายให้สำเร็จ จึงต้องรีบขาย 10 นโยบายเร่งด่วน ให้เห็นผลตั้งแต่1 เดือนแรก

“การเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโครงสร้างออกแบบโดยรัฐธรรมนูญ60 ภายหลังรัฐประหารปี 57 คือมีลักษณะทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอองค์กรอิสระและศาลมีอำนาจมาก ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามเหมือนเดินไต่บนเส้นลวด คุณไม่รู้เลยว่าการเดินอยู่บนเส้นลวดจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ และหากมองในมุมพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าหากการขายสิทธิ์นโยบายเร่งด่วนโดยเฉพาะเรื่องเงิน 10,000 บาทได้สำเร็จจะเป็นเกาะป้องกันว่าอย่างน้อยก็มีผลงาน ส่วนจะได้คะแนนเสียงหลังจากนี้มากน้อยแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ดร.ปุรวิชญ์ ระบุ .-316 (1) สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]