นักวิชาการแนะรัฐบาลเร่งทำผลงานให้ชัด ภายใน 1 เดือน

ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 11 ก.ย. – นักวิชาการมอง 10 นโยบายเร่งด่วนรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นควิกวิน เล็งเห็นผลระยะสั้น ตั้งข้อสังเกต “แจกเงินหมื่น” เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจจริงหรือไม่ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ใส่-ไม่ใส่ในนโยบายก็เสี่ยง แนะรีบทำผลงานให้ชัดภายใน 1 เดือน ชี้เสถียรภาพกับความเชื่อมั่นสำคัญ


ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่จะแถลงต่อรัฐสภาตอบโจทย์ปัญหาประเทศในปัจจุบันหรือไม่ ว่า ตนคิดว่าเป็นนโยบายควิกวินของพรรคเพื่อไทยเพราะ 10 นโยบายเร่งด่วนเป็นนโยบายที่ทำทันทีและเห็นผลได้ในระยะสั้น แต่ 10 นโยบายเร่งด่วนนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหากย้อนดูในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็มีลักษณะเช่นนี้คือเรื่องนโยบายเร่งด่วนและนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ปรับโครงสร้างหนี้ SME อาชญากรรม ยาเสพติดเหล่านี้เป็นปัญหาเร่งด่วน ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่ประเด็นคือผ่านมาแล้ว1 ปีปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสคนรู้สึกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน ถึงแม้นายกฯแพทองธารจะบอกว่า ภายในสามเดือนเห็นผลแต่สำหรับตนเองมองว่า 3 เดือนอย่างช้าไป เพราะนโยบายเหล่านี้เป็นสิ่งที่แถลงมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา แต่ยังไม่เห็นผลที่เกิดขึ้นเลย อีกทั้งยังเกิดความเปลี่ยนแปลงตลอดโดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จากเดิมจะแจกทุกคน ก็ปรับมาเป็นการแจกให้กลุ่มเปราะบางก่อน สำหรับตนมองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นลักษณะควิกวิน คือทำให้เห็นผลได้เร็ว ได้คะแนนเสียงเร็วฟื้นความเชื่อมั่น ความนิยมในตัวพรรคเพื่อไทย แต่จะสำเร็จได้เร็วแค่ไหนยังมีอีกหลายปัจจัย

ส่วนการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโดยเฉพาะนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้เกิดภาพว่าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ยังคิดกระบวนการของนโยบายไม่เสร็จ ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า เป็นภาพสะท้อนอย่างชัดเจนในช่วงปีกว่าว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตกระบวนการออกแบบไม่ได้มีกระบวนการครบถ้วนทั้งหมด เงินจะมาจากไหน ดำเนินการอย่างไร นโยบายที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนรายละเอียดตลอดเวลาไหนจะการ ดำเนินการที่เสี่ยงขัดวินัยการเงินการคลัง หลังนางสาวแพทองธารได้รับการโปรดเกล้าฯ ยอมรับว่าจะเดินหน้าโครงการบนเงื่อนไขที่เป็นไปได้จึงออกมาเป็นการจ่ายเงินให้กับเปราะบางก่อน พรรคเพื่อไทยจะผลักดันนโยบายนี้ เพราะการเป็นลายเซ็นของพรรคเพื่อไทยไปแล้วมาหนึ่งปีว่าจะทำได้หรือไม่ ประกอบกับมีการตั้งงบประมาณเพิ่มเติมปีงบประมาณ 2567 เพื่อมาดำเนินโครงการ นโยบายนี้อย่างสะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยต้องการจะรักษาสัญญากับประชาชนที่ได้หาเสียงเอาไว้ถึงแม้จะมีเงื่อนไขที่ไม่สามารถทำได้เหมือนในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร จนทำให้มีข้อถกเถียงกันเยอะว่าจะนำเงินจากไหนและก็กลายเป็นการแจกเงินอยู่ดี


“คำถามคือจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจรอบใหญ่หรือไม่ นโยบายถือเป็นดาบ 2 คม ก็ไม่ได้แต่ถ้าทำแล้วก็มีข้อวิจารณ์ จากฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและจากประชาชนที่เสียภาษีด้วย” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะถึงขั้นร้องไห้หรือไม่ เมื่อมีกระแสประชาชนคิดถึงนโยบายคนละครึ่งของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นโยบายเงินจะวัดฝีมือหรือทำให้คะแนนลดลง ดร.ปุรวิชญ์ มองว่า เป็นภาพที่สะท้อนใหญ่หลวงมาก ตลอดกาลการทำงานหนึ่งปีที่ผ่านมาแทนที่คนจะมองเห็นว่าว่าโครงการ 10,000 บาทเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย กลับกลายเป็นว่าทำได้ยากเงินจะได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนที่ลงทะเบียนไปแล้วก็เกิดคำถามว่าจะได้เงินหรือไม่ ถึงปฏิเสธไม่ได้และเป็นกิริยาตามธรรมชาติ เนื่องจากโครงการคนละครึ่งเพียงแค่ลงทะเบียนและประชาชนได้นำเงินไปใช้ให้กับร้านค้า จึงเป็นภาพเปรียบเทียบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนี่จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของพรรคเพื่อไทยว่าจะทำอย่างไร อีกทั้งจะทำอย่างไรให้คนหรือภาพจำของโครงการคนละครึ่ง และ พิสูจน์ว่าโครงการดิจิทัล Wallet ดีกว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ตอนนี้ยังไม่เห็น เพราะดูแล้วเหมือนเป็นการแจกเงินปกติทั่วไป

ส่วนหนึ่งในนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ โดยหวังเอาเงินใต้ดินขึ้นมา จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ นั้น ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า นโยบายนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะมีการพูดคุยกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าในระบบเศรษฐกิจมี ภาคส่วนที่ไม่เป็นทางการหรือเงินใต้ดิน โดยหลักคิดคือนำเข้ามาอยู่ในระบบให้เสียภาษีและนำเงินเข้ารัฐ โดยเมื่อมีแนวคิดจะเริ่มทำทีไรก็จะเกิดแรงต้านทันที ทั้งกลุ่มผู้สูญเสียประโยชน์ โดยหลายเรื่องที่อยู่ในนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพ ทองธาร มีความพยายามที่จะทำมานานมากเพราะทุกคนมองเห็นถึงโอกาสที่ใหญ่ยิ่งหากนำเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการเข้าไปอยู่ในระบบได้ เม็ดเงินที่จะเข้ามาอยู่ในระบบจะมีอีกมหาศาล แต่หากทำแบบนี้จะมีคนเสียประโยชน์เยอะมาก นี่จึงเป็นความท้าทายว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนยังไม่ต้องพูดถึงกระแสสังคม ตนคิดว่าไม่ง่ายสำหรับรัฐบาล แต่ที่ต้องแถลงเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้และมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะรุ่งเรืองฟื้นฟูอีกครั้งก็ต้องเอาทุกเซกเตอร์ในสังคมมาอยู่ในระบบให้ได้ พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเช่นนั้น


เมื่อถามว่าการเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ใส่เข้าไปในนโยบายรัฐบาลถือเป็นความเสี่ยงหรือไม่ ดร.ปุรวิชญ์ เห็นว่าจะเอาใส่หรือไม่เอาใส่ในนโยบายของรัฐบาลก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว แต่การเอามาใส่เอาไว้ในคำแถลงนโยบายถือเป็นจุดตั้งต้นว่าจะทำอย่างนี้จึงประกาศแต่วันแรกที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน เพราะนโยบายคือธงนำในการบริหารประเทศ และไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์แต่ยังมีอีกหลายนโยบาย โดยหากมองลงไปจะเห็นว่าในนโยบาย เต็มไปด้วยเรื่องของเศรษฐกิจ

“หากมองในภาพใหญ่นี่คือการบูธเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หากมองย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้ว ยุทธศาสตร์นี้คือวิธีการแบบเดียวกับพรรคไทยรักไทย อีกทั้งในคำท้ายของการแถลงนโยบายอย่างมีคำว่าคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะนี่คือคำที่เป็นเครื่องหมายการค้าของนางสาวแพทองธาร” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว

ส่วนความเป็นพรรคเพื่อไทยที่ยังคงไลน์เซ่นเดิม ที่มีนโยบายลักษณะทุนนิยมประชานิยม ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วหากพูดตามตรงนี่คือกลิ่นอายเดิมของรัฐบาลพรรคไทยรักษ์ไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทั้งวิธีการนำเสนอ การขายเรื่องต่างๆที่ดูเหมือนว้าว อีกทั้งอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวคิดหลักๆก็เป็นสิ่งที่นายทักษิณเคยพูดตั้งแต่ 20 ปีและในเวทีแสดงวิสัยทัศน์เมื่อเดือนสิงหาคม

เมื่อถามถึงความเสี่ยงทั้งตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่เต็มไปด้วยนักร้องเรียน ดร.ปุรวิชญ์ มองว่า คุณจะขายอะไรก็แล้วแต่ก็ตามแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสถียรภาพกับความเชื่อมั่น เพราะตั้งแต่วันแรกที่นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี คนก่อตั้งคำถามแล้วว่าจะเป็นได้กี่วัน กี่เดือน ทั้งการเป็นรัฐบาลผสม รวมถึงการเมืองระบบโควตาจะเข้ารูปเข้ารอยกันได้มากแค่ไหน

อีกเรื่องคือนิติสงคราม ของบรรดานักร้องเรียนแค่ยังไม่ทันจะแถลบนโยบายของรัฐบาล ก็มีคำร้องกับตัวของนายกรัฐมนตรี เป็น 10 เรื่อง ทั้งตำแหน่งหน้าที่ เรื่องหุ้น เรื่องจริยธรรม เรื่อง ครอบงำพรรค แล้วบอกว่าจะยังมีอีกเยอะ มาอีกเยอะมาก แล้วแต่ว่าจะเลือกเรื่องไหนขึ้นมา จึงเป็นคำถามตอบมาว่าเสถียรภาพของรัฐบาลจะอยู่ได้นานแค่ไหน แม้ว่าจะมีโปรเจ็คใหญ่อย่างเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ อีวี ดิจิตอลอีโคโนมี่ แต่คำถามคือจะอยู่ได้กี่วัน กี่เดือน

ขณะที่เรื่องของความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล เช่น สมัยนายเศรษฐาเป็นเซลล์แมนที่ไปขายเจรจาเรื่องธุรกิจทั่วโลกแต่ปรากฏว่ายังไม่ถึงหนึ่งปีก็พ้นจากตำแหน่ง ส่วนนางสาวแพทองธารยังไม่ทันจะเข้าตำแหน่ง ก็มีมีดมาจ่อเต็มไปหมด ที่สำคัญคือระบบราชการหากเชื่อว่าอยู่ได้ไม่นาน จะเกิดระบบเกียร์ว่างได้ (ทำไปทำไมเสี่ยง) แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่านางสาวแพทองธาร อยากจะอยู่ครบ 3 ปี และมีความเชื่อมั่นจะอยู่ได้ แต่ระหว่างทางเต็มไปด้วยคำร้อง มองว่า หากมีคำร้อง 10 เรื่อง ก็อาจมีสักเรื่องที่อาจจะเข้าเป้าได้ และมีกรณีของนายเศรษฐา ให้เห็นซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดจะหลุดจากตำแหน่ง เช่นเดียวกับ นางสาวแพทองธารที่ถือว่าเป็นโจทย์ที่หนัก ไม่ง่าย ซึ่งแต่ละเรื่องบรรทัดฐานที่ผ่านมาเอาแน่เอาลงไม่ได้ ต้องเจอกับนักร้องที่ปรากฏตัว และนักร้องนิรนาม ยุบพรรค ส่วนจะป้องกันอย่างไร หรือต้องรีบดันนโยบายให้สำเร็จ จึงต้องรีบขาย 10 นโยบายเร่งด่วน ให้เห็นผลตั้งแต่1 เดือนแรก

“การเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโครงสร้างออกแบบโดยรัฐธรรมนูญ60 ภายหลังรัฐประหารปี 57 คือมีลักษณะทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอองค์กรอิสระและศาลมีอำนาจมาก ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามเหมือนเดินไต่บนเส้นลวด คุณไม่รู้เลยว่าการเดินอยู่บนเส้นลวดจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ และหากมองในมุมพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าหากการขายสิทธิ์นโยบายเร่งด่วนโดยเฉพาะเรื่องเงิน 10,000 บาทได้สำเร็จจะเป็นเกาะป้องกันว่าอย่างน้อยก็มีผลงาน ส่วนจะได้คะแนนเสียงหลังจากนี้มากน้อยแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ดร.ปุรวิชญ์ ระบุ .-316 (1) สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” เผย “สมเด็จพระสังฆราช” รับสั่งสังคายนากฎหมายสงฆ์

วัดราชบพิธฯ 17 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “สมเด็จพระสังฆราช” รับสั่งสังคายนากฎหมายสงฆ์ เพิ่มความเข้มกฎหมายเก่า ชี้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นส่วนน้อยทำพระพุทธศาสนาเสื่อม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2568 แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ณ วัดราชบพิธสถิต ว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานพรให้เรามุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ ท่านก็ต้องการความร่วมมือกันของทุกฝ่าย และประเด็นที่สำคัญคือ การไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ท่านบอกว่า ให้จัดการได้เต็มที่ หากผิดปาราชิกก็ต้องทำไปตามวินัยที่มีอยู่ และขณะนี้มีการพูดคุยกันว่า ฝ่ายพลเรือน พยายามที่จะขออนุญาตออกกฎระเบียบ ซึ่งท่านก็เห็นพ้องต้องกันกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ว่าอยากให้นำกฎหมายเก่ามาดู และเพิ่มความเข้มงวด หากจะเขียนอะไรลงไปก็ให้เต็มที่ อย่าให้พระพุทธศาสนามีความเสื่อม และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะจุด โซเชียลพูดถึงไกลไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเคร่งครัด และหากมีการแก้กฎหมายแล้วให้หารือที่มหาเถรสมาคม แต่ถือว่าพระองค์ท่านให้เป็นหลักแล้วว่าให้ดำเนินการให้เข้มงวด ส่วนที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาระบุว่า เตรียมเปิดคดีใหม่มีพระในระดับชั้นสมเด็จเข้าไปเกี่ยวข้องแต่ไม่เกี่ยวกับคดีสีกากอล์ฟ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ได้ฟังจากสื่อ คิดว่าตอนนี้ได้คุยกับพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง […]

พบอีก พระชั้นผู้ใหญ่ วิดีโอคอลบอกรัก “สีกากอล์ฟ”

กทม. 17 ก.ค.-พบอีก พระชั้นผู้ใหญ่ ระดับเจ้าอาวาส ใน จ.พิจิตร วิดีโอคอลบอกรัก “สีกากอล์ฟ” ด้านตำรวจจ่อลุยตรวจค้นวัด รวมถึงสถานศึกษาสงฆ์หลายแห่ง เพื่อตรวจสอบเส้นเงิน เวลา 9.30 น. รออีก 1 รูป พระชั้นผู้ใหญ่ ระดับเจ้าอาวาส Video Call บอกรัก สีกากอล์ฟ ในลักษณะว่าเธอเป็นคนแรก และเป็นคนเดียว รักมาก ซึ่งจัดการตรวจสอบพบว่า พระรูปดังกล่าว เป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดพิจิตร และมีความสัมพันธ์ในลักษณะฟิลแฟนแบบนี้มานานแล้ว และเป็นคนส่งเงินค่าเช่าบ้านให้สีกากอล์ฟ แทบทุกเดือน สำหรับความคืบหน้ากรณี “สีกากอล์ฟ” มีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่ กว่า 20 รูป ในวันนี้มีรายงานว่า ตำรวจ ปปป. พร้อมด้วยตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบกลาง จะลุยตรวจค้นวัดรวมถึงสถานศึกษาสงฆ์หลายแห่ง เพื่อตรวจสอบเส้นเงิน รวมถึงหาพยานหลักฐานเชื่อมโยง อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาส ทุจริตเงินวัดไปให้สีกากอล์ฟ โดยการตรวจค้น จะเกิดขึ้นหลังจากการประชุมตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 13.00 น. […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ-กลาง-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา และน่าน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมิวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา และน่าน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

มทภ.2 เผยกำลังพลเหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวน เจ็บ 3

อุบลราชธานี 17 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 เผยกำลังพลเหยียบกับระเบิด ขณะออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี บาดเจ็บ 3 นาย อาการปลอดภัย ชี้เป็นระเบิดตกค้างในพื้นที่สู้รบเดิม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ชุดลาดตระเวนกองร้อยทหารพรานที่ 2302 (ชุด ลว. ร้อย ทพ.2302 ) (ดุสิต) ได้จัดกำลังพลจำนวน 14 นาย ประกอบด้วย ทพ. 2 นาย ชุด RDF 6 นาย ทหารช่าง 6 นาย ออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำลังพลชุดลาดตระเวนได้ประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บริเวณพิกัด WA 220 […]