นักวิชาการแนะรัฐบาลเร่งทำผลงานให้ชัด ภายใน 1 เดือน

ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 11 ก.ย. – นักวิชาการมอง 10 นโยบายเร่งด่วนรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นควิกวิน เล็งเห็นผลระยะสั้น ตั้งข้อสังเกต “แจกเงินหมื่น” เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจจริงหรือไม่ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ใส่-ไม่ใส่ในนโยบายก็เสี่ยง แนะรีบทำผลงานให้ชัดภายใน 1 เดือน ชี้เสถียรภาพกับความเชื่อมั่นสำคัญ


ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่จะแถลงต่อรัฐสภาตอบโจทย์ปัญหาประเทศในปัจจุบันหรือไม่ ว่า ตนคิดว่าเป็นนโยบายควิกวินของพรรคเพื่อไทยเพราะ 10 นโยบายเร่งด่วนเป็นนโยบายที่ทำทันทีและเห็นผลได้ในระยะสั้น แต่ 10 นโยบายเร่งด่วนนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหากย้อนดูในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็มีลักษณะเช่นนี้คือเรื่องนโยบายเร่งด่วนและนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ปรับโครงสร้างหนี้ SME อาชญากรรม ยาเสพติดเหล่านี้เป็นปัญหาเร่งด่วน ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่ประเด็นคือผ่านมาแล้ว1 ปีปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสคนรู้สึกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน ถึงแม้นายกฯแพทองธารจะบอกว่า ภายในสามเดือนเห็นผลแต่สำหรับตนเองมองว่า 3 เดือนอย่างช้าไป เพราะนโยบายเหล่านี้เป็นสิ่งที่แถลงมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา แต่ยังไม่เห็นผลที่เกิดขึ้นเลย อีกทั้งยังเกิดความเปลี่ยนแปลงตลอดโดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จากเดิมจะแจกทุกคน ก็ปรับมาเป็นการแจกให้กลุ่มเปราะบางก่อน สำหรับตนมองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นลักษณะควิกวิน คือทำให้เห็นผลได้เร็ว ได้คะแนนเสียงเร็วฟื้นความเชื่อมั่น ความนิยมในตัวพรรคเพื่อไทย แต่จะสำเร็จได้เร็วแค่ไหนยังมีอีกหลายปัจจัย

ส่วนการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโดยเฉพาะนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้เกิดภาพว่าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ยังคิดกระบวนการของนโยบายไม่เสร็จ ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า เป็นภาพสะท้อนอย่างชัดเจนในช่วงปีกว่าว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตกระบวนการออกแบบไม่ได้มีกระบวนการครบถ้วนทั้งหมด เงินจะมาจากไหน ดำเนินการอย่างไร นโยบายที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนรายละเอียดตลอดเวลาไหนจะการ ดำเนินการที่เสี่ยงขัดวินัยการเงินการคลัง หลังนางสาวแพทองธารได้รับการโปรดเกล้าฯ ยอมรับว่าจะเดินหน้าโครงการบนเงื่อนไขที่เป็นไปได้จึงออกมาเป็นการจ่ายเงินให้กับเปราะบางก่อน พรรคเพื่อไทยจะผลักดันนโยบายนี้ เพราะการเป็นลายเซ็นของพรรคเพื่อไทยไปแล้วมาหนึ่งปีว่าจะทำได้หรือไม่ ประกอบกับมีการตั้งงบประมาณเพิ่มเติมปีงบประมาณ 2567 เพื่อมาดำเนินโครงการ นโยบายนี้อย่างสะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยต้องการจะรักษาสัญญากับประชาชนที่ได้หาเสียงเอาไว้ถึงแม้จะมีเงื่อนไขที่ไม่สามารถทำได้เหมือนในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร จนทำให้มีข้อถกเถียงกันเยอะว่าจะนำเงินจากไหนและก็กลายเป็นการแจกเงินอยู่ดี


“คำถามคือจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจรอบใหญ่หรือไม่ นโยบายถือเป็นดาบ 2 คม ก็ไม่ได้แต่ถ้าทำแล้วก็มีข้อวิจารณ์ จากฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและจากประชาชนที่เสียภาษีด้วย” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะถึงขั้นร้องไห้หรือไม่ เมื่อมีกระแสประชาชนคิดถึงนโยบายคนละครึ่งของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นโยบายเงินจะวัดฝีมือหรือทำให้คะแนนลดลง ดร.ปุรวิชญ์ มองว่า เป็นภาพที่สะท้อนใหญ่หลวงมาก ตลอดกาลการทำงานหนึ่งปีที่ผ่านมาแทนที่คนจะมองเห็นว่าว่าโครงการ 10,000 บาทเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย กลับกลายเป็นว่าทำได้ยากเงินจะได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนที่ลงทะเบียนไปแล้วก็เกิดคำถามว่าจะได้เงินหรือไม่ ถึงปฏิเสธไม่ได้และเป็นกิริยาตามธรรมชาติ เนื่องจากโครงการคนละครึ่งเพียงแค่ลงทะเบียนและประชาชนได้นำเงินไปใช้ให้กับร้านค้า จึงเป็นภาพเปรียบเทียบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนี่จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของพรรคเพื่อไทยว่าจะทำอย่างไร อีกทั้งจะทำอย่างไรให้คนหรือภาพจำของโครงการคนละครึ่ง และ พิสูจน์ว่าโครงการดิจิทัล Wallet ดีกว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ตอนนี้ยังไม่เห็น เพราะดูแล้วเหมือนเป็นการแจกเงินปกติทั่วไป

ส่วนหนึ่งในนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ โดยหวังเอาเงินใต้ดินขึ้นมา จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ นั้น ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า นโยบายนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะมีการพูดคุยกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าในระบบเศรษฐกิจมี ภาคส่วนที่ไม่เป็นทางการหรือเงินใต้ดิน โดยหลักคิดคือนำเข้ามาอยู่ในระบบให้เสียภาษีและนำเงินเข้ารัฐ โดยเมื่อมีแนวคิดจะเริ่มทำทีไรก็จะเกิดแรงต้านทันที ทั้งกลุ่มผู้สูญเสียประโยชน์ โดยหลายเรื่องที่อยู่ในนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพ ทองธาร มีความพยายามที่จะทำมานานมากเพราะทุกคนมองเห็นถึงโอกาสที่ใหญ่ยิ่งหากนำเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการเข้าไปอยู่ในระบบได้ เม็ดเงินที่จะเข้ามาอยู่ในระบบจะมีอีกมหาศาล แต่หากทำแบบนี้จะมีคนเสียประโยชน์เยอะมาก นี่จึงเป็นความท้าทายว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนยังไม่ต้องพูดถึงกระแสสังคม ตนคิดว่าไม่ง่ายสำหรับรัฐบาล แต่ที่ต้องแถลงเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้และมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะรุ่งเรืองฟื้นฟูอีกครั้งก็ต้องเอาทุกเซกเตอร์ในสังคมมาอยู่ในระบบให้ได้ พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเช่นนั้น


เมื่อถามว่าการเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ใส่เข้าไปในนโยบายรัฐบาลถือเป็นความเสี่ยงหรือไม่ ดร.ปุรวิชญ์ เห็นว่าจะเอาใส่หรือไม่เอาใส่ในนโยบายของรัฐบาลก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว แต่การเอามาใส่เอาไว้ในคำแถลงนโยบายถือเป็นจุดตั้งต้นว่าจะทำอย่างนี้จึงประกาศแต่วันแรกที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน เพราะนโยบายคือธงนำในการบริหารประเทศ และไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์แต่ยังมีอีกหลายนโยบาย โดยหากมองลงไปจะเห็นว่าในนโยบาย เต็มไปด้วยเรื่องของเศรษฐกิจ

“หากมองในภาพใหญ่นี่คือการบูธเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หากมองย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้ว ยุทธศาสตร์นี้คือวิธีการแบบเดียวกับพรรคไทยรักไทย อีกทั้งในคำท้ายของการแถลงนโยบายอย่างมีคำว่าคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะนี่คือคำที่เป็นเครื่องหมายการค้าของนางสาวแพทองธาร” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว

ส่วนความเป็นพรรคเพื่อไทยที่ยังคงไลน์เซ่นเดิม ที่มีนโยบายลักษณะทุนนิยมประชานิยม ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วหากพูดตามตรงนี่คือกลิ่นอายเดิมของรัฐบาลพรรคไทยรักษ์ไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทั้งวิธีการนำเสนอ การขายเรื่องต่างๆที่ดูเหมือนว้าว อีกทั้งอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวคิดหลักๆก็เป็นสิ่งที่นายทักษิณเคยพูดตั้งแต่ 20 ปีและในเวทีแสดงวิสัยทัศน์เมื่อเดือนสิงหาคม

เมื่อถามถึงความเสี่ยงทั้งตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่เต็มไปด้วยนักร้องเรียน ดร.ปุรวิชญ์ มองว่า คุณจะขายอะไรก็แล้วแต่ก็ตามแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสถียรภาพกับความเชื่อมั่น เพราะตั้งแต่วันแรกที่นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี คนก่อตั้งคำถามแล้วว่าจะเป็นได้กี่วัน กี่เดือน ทั้งการเป็นรัฐบาลผสม รวมถึงการเมืองระบบโควตาจะเข้ารูปเข้ารอยกันได้มากแค่ไหน

อีกเรื่องคือนิติสงคราม ของบรรดานักร้องเรียนแค่ยังไม่ทันจะแถลบนโยบายของรัฐบาล ก็มีคำร้องกับตัวของนายกรัฐมนตรี เป็น 10 เรื่อง ทั้งตำแหน่งหน้าที่ เรื่องหุ้น เรื่องจริยธรรม เรื่อง ครอบงำพรรค แล้วบอกว่าจะยังมีอีกเยอะ มาอีกเยอะมาก แล้วแต่ว่าจะเลือกเรื่องไหนขึ้นมา จึงเป็นคำถามตอบมาว่าเสถียรภาพของรัฐบาลจะอยู่ได้นานแค่ไหน แม้ว่าจะมีโปรเจ็คใหญ่อย่างเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ อีวี ดิจิตอลอีโคโนมี่ แต่คำถามคือจะอยู่ได้กี่วัน กี่เดือน

ขณะที่เรื่องของความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล เช่น สมัยนายเศรษฐาเป็นเซลล์แมนที่ไปขายเจรจาเรื่องธุรกิจทั่วโลกแต่ปรากฏว่ายังไม่ถึงหนึ่งปีก็พ้นจากตำแหน่ง ส่วนนางสาวแพทองธารยังไม่ทันจะเข้าตำแหน่ง ก็มีมีดมาจ่อเต็มไปหมด ที่สำคัญคือระบบราชการหากเชื่อว่าอยู่ได้ไม่นาน จะเกิดระบบเกียร์ว่างได้ (ทำไปทำไมเสี่ยง) แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่านางสาวแพทองธาร อยากจะอยู่ครบ 3 ปี และมีความเชื่อมั่นจะอยู่ได้ แต่ระหว่างทางเต็มไปด้วยคำร้อง มองว่า หากมีคำร้อง 10 เรื่อง ก็อาจมีสักเรื่องที่อาจจะเข้าเป้าได้ และมีกรณีของนายเศรษฐา ให้เห็นซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดจะหลุดจากตำแหน่ง เช่นเดียวกับ นางสาวแพทองธารที่ถือว่าเป็นโจทย์ที่หนัก ไม่ง่าย ซึ่งแต่ละเรื่องบรรทัดฐานที่ผ่านมาเอาแน่เอาลงไม่ได้ ต้องเจอกับนักร้องที่ปรากฏตัว และนักร้องนิรนาม ยุบพรรค ส่วนจะป้องกันอย่างไร หรือต้องรีบดันนโยบายให้สำเร็จ จึงต้องรีบขาย 10 นโยบายเร่งด่วน ให้เห็นผลตั้งแต่1 เดือนแรก

“การเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโครงสร้างออกแบบโดยรัฐธรรมนูญ60 ภายหลังรัฐประหารปี 57 คือมีลักษณะทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอองค์กรอิสระและศาลมีอำนาจมาก ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามเหมือนเดินไต่บนเส้นลวด คุณไม่รู้เลยว่าการเดินอยู่บนเส้นลวดจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ และหากมองในมุมพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าหากการขายสิทธิ์นโยบายเร่งด่วนโดยเฉพาะเรื่องเงิน 10,000 บาทได้สำเร็จจะเป็นเกาะป้องกันว่าอย่างน้อยก็มีผลงาน ส่วนจะได้คะแนนเสียงหลังจากนี้มากน้อยแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ดร.ปุรวิชญ์ ระบุ .-316 (1) สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]