“ศิริกัญญา” ลั่นอยากเห็นนายกฯ เป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดวงจันทร์พึ่งแสงอาทิตย์

รัฐสภา 12 ก.ย.-“ศิริกัญญา” ตรวจคำแถลงนโยบาย “แพทองธาร” ลั่นอยากเห็นนายกฯ เป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดวงจันทร์พึ่งแสงอาทิตย์ เตือนรัฐบาลดื้อตาใส หยุดอ้างฝ่ายค้านทำดิจิทัลวอลเล็ตเละ ขออย่าเคลมเป็นผลงาน เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวตามอัตภาพ

การประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายโดยขอตรวจคำแถลงนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า นี่จะเป็นครั้งที่ 3 ที่ตนเองจะขอเสนอแนวคิดเพื่อทำให้คำแถลงนโยบายนี้เป็นเหมือน GPS ที่จะคอยบอกเราว่า รัฐบาลจะพารัฐนาวาแห่งนี้แล่นไปทางไหน เป้าหมายอยู่ที่ใด ด้วยวิธีการใด เดินทางในเส้นทางไหน เหมือนหรือต่างกับที่เคยสัญญากับผู้ร่วมเดินทาง


รัฐบาลแพทองธารมีเรื่องยุ่งยากซับซ้อน เพราะผิดสัญญาไปแล้วหนึ่งรอบ จึงเห็นว่าโอกาสนี้นายกฯ ควรใช้การแถลงนโยบายเป็นกลไกช่วยกู้ความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ ควรต้องเป็นสัญญาที่หนักแน่นว่า 3 ปีข้างหน้าจะทำอะไร เพราะคำสัญญาที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น จึงจะแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนได้

เมื่อตรวจคำแถลงนโยบายแล้ว ไม่ค่อยต่างอะไรกับรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็น GPS ที่พาเราหลงทาง ใช้คำกว้าง ๆ พูดลอย ๆ พูดอีกก็ถูกอีก ใช้คำว่า “เร่งรัด” แต่ไม่ได้บอกว่าจะเสร็จเมื่อใด ส่วนการกำหนดเป้าหมายที่ระบุไว้ในส่วนท้ายว่า “การสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทยและประเทศไทย” ต้องบอกว่าเป้าหมายนี้ไม่มีความชัดเจน เพราะถ้าชัดเจน คงไม่ต้องมีผู้อภิปรายมาช่วยขยายความว่าตกลงมีกินมีใช้คืออะไร


ส่วนตัวชอบคำว่า “เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม” แสดงว่าแม้คำแถลงนโยบายจะไม่ได้บรรจุคำว่าเหลื่อมล้ำสักแต่ถ้านายกฯ บรรจุคำนี้ไว้เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียม คงจะมองเห็นประเด็นของความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ซึ่งเป็นผลต่อความเหลื่อมล้ำด้านอื่นๆ ทั้งทางด้านรายได้ ทรัพย์สิน การเข้าถึงโอกาสการศึกษา การทำงาน ความก้าวหน้าในอาชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาเส้นสาย เพื่อการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม

ที่เหลือก็ยังไม่ได้ช่วยให้ประชาชนเห็นเป้าหมายเพิ่มเติมเลย หากเทียบกับนายกฯ ท่านอื่น ๆ ตนเองขอมอบมงให้กับคำแถลงของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21 ซึ่งต้องปัดตกไป เพราะนั่นเป็นประเทศไทยที่พัฒนาแล้วในอีก 80 ปี

นางสาวศิริกัญญา ยังเจาะจงลงไปในคำแถลงนโยบายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่มีรายละเอียดชัดเจน มีเป้าหมาย มีกรอบเวลาชัดเจนและตรงกับนโยบายที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะไล่คนเขียนนโยบายคำแถลงนั้นออกทำไม เพราะนี่เป็นตัวอย่างว่าหากจะเขียนให้ชัด ก็เขียนได้ และเคยทำมาแล้ว แต่ไม่ยอมเขียน


ตนเองตกใจมากที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในการแถลงนโยบายรอบนี้ คำว่า 10,000 บาทหายไป อย่าทำให้ใจเสีย รีบตอบมาว่าตกลงได้ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ เพราะประชาชนทวงถาม รวมถึงการเพิ่มเติมโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ที่แปลงร่างเป็นค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย 20 บาท เหตุใดไม่ใส่เหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้แล้ว แต่กลับเหมือนวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีความตรงกันทั้งหมด 11 จาก 14 ประเด็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะหลายนโยบายเหมือนกันเป๊ะ

ความเหมือนไม่ใช่ปัญหาเรื่องครอบงำ แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบ ที่ตกลงไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางนโยบายตัวจริง ต้องถามใคร หรือเชื่อใครกันแน่ หากสุดท้ายยังเป็นแบบนี้ ต่อไปการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นเพียงพิธีกรรม เรื่องใหญ่ ๆ อาจไม่ถูกตัดสินจากที่ประชุม แต่ถูกตัดสินมาแล้วจากที่อื่น เช่น ห้องอาหารในโรงแรมต่าง ๆ หรือในเซฟเฮาส์

เราอยากจะเห็นนายกฯ ที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจให้กับประชาชนได้ ว่าท่านจะเป็นคนที่ดำเนินนโยบายที่แถลงได้เอง เพราะการอ่านก็อ่านไปตามกฎหมาย แต่วันนี้ขอให้ท่านได้มาตอบด้วยตนเองในรายละเอียดต่างว่าจะทำอย่างไร

“เราอยากเห็นนายกฯ ที่มีแสงสว่างในตัวเองเป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดาวเคราะห์ ไม่ใช่ดวงจันทร์ที่สองสว่างโดยใช้แสงจากพระอาทิตย์ และวันที่พระอาทิตย์สว่างจ้าเสียเหลือเกิน เราจะไม่เห็นดวงจันทร์เลย” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ยังยกตัวอย่างผลงานที่พรรคเพื่อไทยสรุปมาในระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยตั้งคำถามว่า สิ่งเหล่านี้นับเป็นผลงานหรือไม่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็จะยิ่งเริ่มจางลงไปเหมือนไม่มีอะไรจะใส่ จึงต้องไปหยิบกฎหมายมาใส่ ใน 1 ปีมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไปให้ถึงรากหญ้า กำลังซื้อตกแล้วตกอีก กลับไม่มีนโยบายอะไรออกมา ค่าครองชีพ ราคาน้ำมัน ข้าวของที่แพงขึ้นก็ไม่มี หลังจากที่ทำครบ 3 เดือน งบกลางก็ไม่ค่อยเอาออกมาใช้ เพราะกั๊กไว้ใช้กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต

ขณะที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายรอบ และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก จนถึงตอนนี้เป็นรอบที่ 7 แล้ว เพราะงบกลางของ ปี 67 มีเท่าไรก็เอามาแจกก่อน จ่ายเป็นเงินสด ส่วนที่เหลือก็พยายามจะเบ่งงบปี 68 หาทางกู้เงินเพิ่ม ตัดลดงบชำระหนี้ ก็ยังได้เงินไม่พอที่จะจ่ายให้ครบ 45 ล้านคนอยู่ดี จึงมีการแถลงของนายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมา

วันนี้อยากฟังให้ชัด ๆ ว่าตกลงแล้วโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะไปสุดที่ตรงไหน เพราะอีก 3 วัน คือวันที่ 15 ก.ย.นี้ จะหมดเขตลงทะเบียน และหากประชาชนคนใดยังไม่ได้ลงทะเบียนก็ช่วยมาลงทะเบียน จะได้รู้แน่ว่า สรุปแล้วกลุ่มเป้าหมายมีกี่คน และจะหาเงินมาจากไหน จะยังแจกคนละ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ และจะแจกเป็นเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ต

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการชี้นิ้วมาที่ฝ่ายค้านว่า เป็นเพราะฝ่ายค้านที่ทำให้ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้ล่าช้าเละเทะแบบนี้ อย่าอ้างว่าฟังคนเห็นต่างจึงเปลี่ยนตามมาเรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่เราพูดไม่ใช่ความเห็นที่โต้เถียงกันได้ แต่เป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทุกครั้งเถียงกันแทบเป็นแทบตาย ดื้อตาใสบอกไม่ผิดทำได้ พอหลังชนฝาประเทศกู้ไม่ได้ ก็หายจากวิกฤตไปเป็นปลิดทิ้ง

สุดท้าย พอเปลี่ยนนายกฯ ไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำผิดกฎหมายอีกแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่รัฐบาล ไม่ใช่แค่คณะรัฐมนตรีที่เสียเครดิต แต่ข้าราชการผู้หลักผู้ใหญ่ผู้บริหารในกระทรวงใหญ่ ๆ เสียผู้เสียคนกันหมด เพราะต้องออกมาแก้ต่างแทนรัฐบาล กลายเป็น 1 ปีที่สูญเปล่า สุดท้ายเงินยังไม่ได้ เสียเวลาเสียสมาธิ เสียโอกาสที่จะใช้งบกลางไปกระตุ้นในด้านอื่น ๆ พอไม่ออกมาตรการอื่น ๆ ระหว่างทางแทนที่ประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือก็ไม่ได้

พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่จะกระแทก ตอนนี้อ่อนกำลังลงไปเรื่อย ๆ อ่อนกำลังลงไปพร้อมกับเครดิตและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล หากจะกู้กลับคืนมาก็คงไม่ง่าย ไหนๆ พายุหมุนจะอ่อนกำลังลงกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ก็ขอฟังชัดๆ จากรัฐบาลว่า สรุปแล้วผลต่อเศรษฐกิจสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นเท่าไร จะได้คาดการณ์ไปในอนาคตได้ว่าจะสามารถกระตุ้น GDP ได้เท่าไร

นางสาวศิริกัญญา ดักคอไว้ว่าครึ่งปีหลังของปี 67 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีตามอัตภาพ เนื่องจากฐาน GDP ปีที่แล้วต่ำ จะบอกไว้เลยว่า ถึงจะไม่มีดิจิทัลวอลเล็ต ไตรมาสสี่ก็โตเกือบ 4% แล้ว ดังนั้น ห้ามเคลมว่าที่โตขึ้นเป็นเพราะฝีมือรัฐบาล ขณะที่การปฏิรูปราชการ ต้องลดขนาด เพิ่มประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่มีการพูดถึงการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่แท้จริงของความอุ้ยอ้าย ความซ้ำซ้อน และความไร้ประสิทธิภาพของระบบราชการ

แต่ถ้าดูจากการวิเคราะห์นโยบายที่ออกมา เรื่องการปฏิรูประบบราชการ ตนไม่เห็นว่าจะเป็นทางออกทางรอดของการปฏิรูปผ่านถ้อยคำแถลงครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ที่ลุกขึ้นมาตอบคำถามเหล่านี้ด้วยตัวเอง.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย