“ศิริกัญญา” ลั่นอยากเห็นนายกฯ เป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดวงจันทร์พึ่งแสงอาทิตย์

รัฐสภา 12 ก.ย.-“ศิริกัญญา” ตรวจคำแถลงนโยบาย “แพทองธาร” ลั่นอยากเห็นนายกฯ เป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดวงจันทร์พึ่งแสงอาทิตย์ เตือนรัฐบาลดื้อตาใส หยุดอ้างฝ่ายค้านทำดิจิทัลวอลเล็ตเละ ขออย่าเคลมเป็นผลงาน เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวตามอัตภาพ

การประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายโดยขอตรวจคำแถลงนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า นี่จะเป็นครั้งที่ 3 ที่ตนเองจะขอเสนอแนวคิดเพื่อทำให้คำแถลงนโยบายนี้เป็นเหมือน GPS ที่จะคอยบอกเราว่า รัฐบาลจะพารัฐนาวาแห่งนี้แล่นไปทางไหน เป้าหมายอยู่ที่ใด ด้วยวิธีการใด เดินทางในเส้นทางไหน เหมือนหรือต่างกับที่เคยสัญญากับผู้ร่วมเดินทาง


รัฐบาลแพทองธารมีเรื่องยุ่งยากซับซ้อน เพราะผิดสัญญาไปแล้วหนึ่งรอบ จึงเห็นว่าโอกาสนี้นายกฯ ควรใช้การแถลงนโยบายเป็นกลไกช่วยกู้ความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ ควรต้องเป็นสัญญาที่หนักแน่นว่า 3 ปีข้างหน้าจะทำอะไร เพราะคำสัญญาที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น จึงจะแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนได้

เมื่อตรวจคำแถลงนโยบายแล้ว ไม่ค่อยต่างอะไรกับรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็น GPS ที่พาเราหลงทาง ใช้คำกว้าง ๆ พูดลอย ๆ พูดอีกก็ถูกอีก ใช้คำว่า “เร่งรัด” แต่ไม่ได้บอกว่าจะเสร็จเมื่อใด ส่วนการกำหนดเป้าหมายที่ระบุไว้ในส่วนท้ายว่า “การสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทยและประเทศไทย” ต้องบอกว่าเป้าหมายนี้ไม่มีความชัดเจน เพราะถ้าชัดเจน คงไม่ต้องมีผู้อภิปรายมาช่วยขยายความว่าตกลงมีกินมีใช้คืออะไร


ส่วนตัวชอบคำว่า “เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม” แสดงว่าแม้คำแถลงนโยบายจะไม่ได้บรรจุคำว่าเหลื่อมล้ำสักแต่ถ้านายกฯ บรรจุคำนี้ไว้เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียม คงจะมองเห็นประเด็นของความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ซึ่งเป็นผลต่อความเหลื่อมล้ำด้านอื่นๆ ทั้งทางด้านรายได้ ทรัพย์สิน การเข้าถึงโอกาสการศึกษา การทำงาน ความก้าวหน้าในอาชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาเส้นสาย เพื่อการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม

ที่เหลือก็ยังไม่ได้ช่วยให้ประชาชนเห็นเป้าหมายเพิ่มเติมเลย หากเทียบกับนายกฯ ท่านอื่น ๆ ตนเองขอมอบมงให้กับคำแถลงของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21 ซึ่งต้องปัดตกไป เพราะนั่นเป็นประเทศไทยที่พัฒนาแล้วในอีก 80 ปี

นางสาวศิริกัญญา ยังเจาะจงลงไปในคำแถลงนโยบายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่มีรายละเอียดชัดเจน มีเป้าหมาย มีกรอบเวลาชัดเจนและตรงกับนโยบายที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะไล่คนเขียนนโยบายคำแถลงนั้นออกทำไม เพราะนี่เป็นตัวอย่างว่าหากจะเขียนให้ชัด ก็เขียนได้ และเคยทำมาแล้ว แต่ไม่ยอมเขียน


ตนเองตกใจมากที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในการแถลงนโยบายรอบนี้ คำว่า 10,000 บาทหายไป อย่าทำให้ใจเสีย รีบตอบมาว่าตกลงได้ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ เพราะประชาชนทวงถาม รวมถึงการเพิ่มเติมโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ที่แปลงร่างเป็นค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย 20 บาท เหตุใดไม่ใส่เหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้แล้ว แต่กลับเหมือนวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีความตรงกันทั้งหมด 11 จาก 14 ประเด็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะหลายนโยบายเหมือนกันเป๊ะ

ความเหมือนไม่ใช่ปัญหาเรื่องครอบงำ แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบ ที่ตกลงไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางนโยบายตัวจริง ต้องถามใคร หรือเชื่อใครกันแน่ หากสุดท้ายยังเป็นแบบนี้ ต่อไปการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นเพียงพิธีกรรม เรื่องใหญ่ ๆ อาจไม่ถูกตัดสินจากที่ประชุม แต่ถูกตัดสินมาแล้วจากที่อื่น เช่น ห้องอาหารในโรงแรมต่าง ๆ หรือในเซฟเฮาส์

เราอยากจะเห็นนายกฯ ที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจให้กับประชาชนได้ ว่าท่านจะเป็นคนที่ดำเนินนโยบายที่แถลงได้เอง เพราะการอ่านก็อ่านไปตามกฎหมาย แต่วันนี้ขอให้ท่านได้มาตอบด้วยตนเองในรายละเอียดต่างว่าจะทำอย่างไร

“เราอยากเห็นนายกฯ ที่มีแสงสว่างในตัวเองเป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดาวเคราะห์ ไม่ใช่ดวงจันทร์ที่สองสว่างโดยใช้แสงจากพระอาทิตย์ และวันที่พระอาทิตย์สว่างจ้าเสียเหลือเกิน เราจะไม่เห็นดวงจันทร์เลย” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ยังยกตัวอย่างผลงานที่พรรคเพื่อไทยสรุปมาในระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยตั้งคำถามว่า สิ่งเหล่านี้นับเป็นผลงานหรือไม่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็จะยิ่งเริ่มจางลงไปเหมือนไม่มีอะไรจะใส่ จึงต้องไปหยิบกฎหมายมาใส่ ใน 1 ปีมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไปให้ถึงรากหญ้า กำลังซื้อตกแล้วตกอีก กลับไม่มีนโยบายอะไรออกมา ค่าครองชีพ ราคาน้ำมัน ข้าวของที่แพงขึ้นก็ไม่มี หลังจากที่ทำครบ 3 เดือน งบกลางก็ไม่ค่อยเอาออกมาใช้ เพราะกั๊กไว้ใช้กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต

ขณะที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายรอบ และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก จนถึงตอนนี้เป็นรอบที่ 7 แล้ว เพราะงบกลางของ ปี 67 มีเท่าไรก็เอามาแจกก่อน จ่ายเป็นเงินสด ส่วนที่เหลือก็พยายามจะเบ่งงบปี 68 หาทางกู้เงินเพิ่ม ตัดลดงบชำระหนี้ ก็ยังได้เงินไม่พอที่จะจ่ายให้ครบ 45 ล้านคนอยู่ดี จึงมีการแถลงของนายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมา

วันนี้อยากฟังให้ชัด ๆ ว่าตกลงแล้วโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะไปสุดที่ตรงไหน เพราะอีก 3 วัน คือวันที่ 15 ก.ย.นี้ จะหมดเขตลงทะเบียน และหากประชาชนคนใดยังไม่ได้ลงทะเบียนก็ช่วยมาลงทะเบียน จะได้รู้แน่ว่า สรุปแล้วกลุ่มเป้าหมายมีกี่คน และจะหาเงินมาจากไหน จะยังแจกคนละ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ และจะแจกเป็นเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ต

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการชี้นิ้วมาที่ฝ่ายค้านว่า เป็นเพราะฝ่ายค้านที่ทำให้ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้ล่าช้าเละเทะแบบนี้ อย่าอ้างว่าฟังคนเห็นต่างจึงเปลี่ยนตามมาเรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่เราพูดไม่ใช่ความเห็นที่โต้เถียงกันได้ แต่เป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทุกครั้งเถียงกันแทบเป็นแทบตาย ดื้อตาใสบอกไม่ผิดทำได้ พอหลังชนฝาประเทศกู้ไม่ได้ ก็หายจากวิกฤตไปเป็นปลิดทิ้ง

สุดท้าย พอเปลี่ยนนายกฯ ไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำผิดกฎหมายอีกแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่รัฐบาล ไม่ใช่แค่คณะรัฐมนตรีที่เสียเครดิต แต่ข้าราชการผู้หลักผู้ใหญ่ผู้บริหารในกระทรวงใหญ่ ๆ เสียผู้เสียคนกันหมด เพราะต้องออกมาแก้ต่างแทนรัฐบาล กลายเป็น 1 ปีที่สูญเปล่า สุดท้ายเงินยังไม่ได้ เสียเวลาเสียสมาธิ เสียโอกาสที่จะใช้งบกลางไปกระตุ้นในด้านอื่น ๆ พอไม่ออกมาตรการอื่น ๆ ระหว่างทางแทนที่ประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือก็ไม่ได้

พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่จะกระแทก ตอนนี้อ่อนกำลังลงไปเรื่อย ๆ อ่อนกำลังลงไปพร้อมกับเครดิตและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล หากจะกู้กลับคืนมาก็คงไม่ง่าย ไหนๆ พายุหมุนจะอ่อนกำลังลงกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ก็ขอฟังชัดๆ จากรัฐบาลว่า สรุปแล้วผลต่อเศรษฐกิจสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นเท่าไร จะได้คาดการณ์ไปในอนาคตได้ว่าจะสามารถกระตุ้น GDP ได้เท่าไร

นางสาวศิริกัญญา ดักคอไว้ว่าครึ่งปีหลังของปี 67 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีตามอัตภาพ เนื่องจากฐาน GDP ปีที่แล้วต่ำ จะบอกไว้เลยว่า ถึงจะไม่มีดิจิทัลวอลเล็ต ไตรมาสสี่ก็โตเกือบ 4% แล้ว ดังนั้น ห้ามเคลมว่าที่โตขึ้นเป็นเพราะฝีมือรัฐบาล ขณะที่การปฏิรูปราชการ ต้องลดขนาด เพิ่มประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่มีการพูดถึงการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่แท้จริงของความอุ้ยอ้าย ความซ้ำซ้อน และความไร้ประสิทธิภาพของระบบราชการ

แต่ถ้าดูจากการวิเคราะห์นโยบายที่ออกมา เรื่องการปฏิรูประบบราชการ ตนไม่เห็นว่าจะเป็นทางออกทางรอดของการปฏิรูปผ่านถ้อยคำแถลงครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ที่ลุกขึ้นมาตอบคำถามเหล่านี้ด้วยตัวเอง.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2

กทม. 18 มิ.ย.- ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2 ส่วนหน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ขึ้นข้อความให้กำลังใจผ่านจอแอลอีดี ขณะที่เพจโซเชียลกองทัพ แห่โพสต์ข้อความ #ศักดิ์ศรีของทหาร 18 มิ.ย.68 ภายหลังจากที่มีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา และมีการพูดถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารต่างๆ อาทิ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้โพสต์ข้อความว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1. ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2. ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3. ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน นอกจากนี้ เพจ Smart Soldiers Strong […]

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.4 กำชับเร่งสืบจับมือวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี

ปัตตานี 20 มิ.ย. – แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี กำชับเร่งสืบจับผู้ก่อเหตุ เพิ่มความเข้มงวดรักษาความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ ขณะที่บรรยากาศภายในงานกาชาดฯ หลายร้านตัดสินใจไม่ขายต่อ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ เข้าตรวจสอบความเสียหาย รวมถึงติดตามความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี พร้อมกำชับตำรวจและฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ และปรับแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้น ขณะที่บรรยากาศภายในงานกาชาดปัตตานี หลังเกิดเหตุระเบิด 3 ลูก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 มิ.ย.68) พบว่า เจ้าของร้านต่างเร่งซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้กลับมาเปิดขายได้อีกครั้ง และพบว่าหลายร้านตัดสินใจไม่ขายต่อ หนึ่งในนั้นคือ ร้านขายไก่ทอด ไก่ย่าง ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ตัดสินใจเดินทางกลับ จ.ตรัง โดยบอกว่า ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตั้งแต่ขายมา ไม่ว่าจะที่ จ.ยะลา หรือนราธิวาส จึงรู้สึกกลัว แม้อยากทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่รักชีวิตมากกว่า. – สำนักข่าวไทย

เขมรป่วน! นำมวลชน-พระสงฆ์ บุกปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 20 มิ.ย. – กัมพูชาป่วนไม่เลิก ล่าสุดนำมวลชน-พระสงฆ์ บุกปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ไล่นักท่องเที่ยวชาวไทยกลับ ทหารและฝ่ายปกครองต้องเตือนให้หยุด และให้กลับลงไปทันที นี่เป็นภาพขณะเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองของไทย เข้าชี้แจงชาวกัมพูชาและพระสงฆ์กัมพูชา ประมาณ 15 รูป ซึ่งตอนแรกทำทีเป็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ในเวลาประมาณ 10.00 น. วานนี้ (19 มิ.ย.68) แต่ต่อมากลับพากันมายืนที่จุดจีพีเอส ขวางประตูทางเข้าตัวปราสาทตาเมือนธม และพูดกับคนไทยที่มาเที่ยวชมปราสาท ในลักษณะจะไม่ให้เข้า และข้ามหลักจีพีเอสไป ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทยทั้งหมด ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครอง อ.พนมดงรัก ที่ปฏิบัติการที่ปราสาทตาเมือนธม เห็นเข้า จึงรีบเข้าไปแจ้งเตือนและให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที โดยมีทหารฝ่ายกัมพูชาเข้ามาร่วมชี้แจงด้วย ก่อนจะพาชายคนดังกล่าวพร้อมคณะกลับลงไปฝั่งกัมพูชาทันที ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกัมพูชาใช้ฐานปฏิบัติการทหารที่อยู่ตรงข้ามกับปราสาทตาเมือนธม เป็นจุดรวมผู้คนและพระสงฆ์ที่เกณฑ์มา ให้มารวมตัวกัน โดยทหารกัมพูชาที่มาอำนวยความสะดวกบริเวณปราสาทตาเมือนธม จะเป็นผู้รายงานว่า ฝั่งไทยมีความเคลื่อนไหวอย่างไร นักท่องเที่ยวชาวไทยขึ้นมาเยอะหรือไม่ จากนั้นก็จะแจ้งให้ทางกัมพูชาทราบและจัดคนขึ้นมาที่ตัวปราสาท แล้วก็มาป่วน พยายามสร้างกระแสยั่วยุฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ทบ.แจงเหตุมวลชนเขมรบุกร้องเพลงบนปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ การยั่วยุลักษณะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา […]

ไมค์โขกหัวนายกฯ

นายกฯ โพสต์แจง “ไมค์โขกศีรษะ” นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ

กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- นายกฯ อิ๊งค์ แจงไมค์โขกศีรษะ นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ บอกหน้างานเบียดกันมาก โดนไม่แรง พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านสตอรี่ไอจี กรณีมีไมค์ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งโดนศรีษะของนายกรัฐมนตรี ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และนายกรัฐมนตรีได้อุทาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า วันนี้ที่มีข่าวเรื่องไมโครโฟนโขกศีรษะ

รองเลขาธิการนายกฯ แจ้งความดำเนินคดี “ฮุนเซน”

กทม. 20 มิ.ย.-“สมคิด” รองเลขาธิการนายกฯ เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดี “ฮุนเซน” กรณีคลิปเสียงหลุด ยันไม่ได้แก้เกี้ยวให้ “แพทองธาร” ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซน กรณีคลิปเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ความยาว 17.6 วินาที ที่หลุดออกมาจากฝั่งเขา จนสร้างความแตกแยก จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับภัยความมั่นคง ยืนยันไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยวให้กับนายกฯ และไม่ได้เรียนให้นายกฯ ทราบว่าจะมาแจ้งความ พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ยืนยันไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหรือนอกราชอาณาจักร เป็นคนไทยหรือต่างชาติ หากทำลายความมั่นคง ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ โดยตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน สืบค้นแหล่งที่มาของต้นโพสต์ หารือกับอัยการสูงสุดและประสานสถานทูตประเทศนั้น เพื่อให้ส่งเอกสารไปยังประเทศปลายทางของผู้ที่ถูกออกหมายจับ ส่วนจะได้ตัวหรือไม่ ไม่อยากให้คาดการณ์.-สำนักข่าวไทย