“ศิริกัญญา” ลั่นอยากเห็นนายกฯ เป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดวงจันทร์พึ่งแสงอาทิตย์

รัฐสภา 12 ก.ย.-“ศิริกัญญา” ตรวจคำแถลงนโยบาย “แพทองธาร” ลั่นอยากเห็นนายกฯ เป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดวงจันทร์พึ่งแสงอาทิตย์ เตือนรัฐบาลดื้อตาใส หยุดอ้างฝ่ายค้านทำดิจิทัลวอลเล็ตเละ ขออย่าเคลมเป็นผลงาน เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวตามอัตภาพ

การประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายโดยขอตรวจคำแถลงนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า นี่จะเป็นครั้งที่ 3 ที่ตนเองจะขอเสนอแนวคิดเพื่อทำให้คำแถลงนโยบายนี้เป็นเหมือน GPS ที่จะคอยบอกเราว่า รัฐบาลจะพารัฐนาวาแห่งนี้แล่นไปทางไหน เป้าหมายอยู่ที่ใด ด้วยวิธีการใด เดินทางในเส้นทางไหน เหมือนหรือต่างกับที่เคยสัญญากับผู้ร่วมเดินทาง


รัฐบาลแพทองธารมีเรื่องยุ่งยากซับซ้อน เพราะผิดสัญญาไปแล้วหนึ่งรอบ จึงเห็นว่าโอกาสนี้นายกฯ ควรใช้การแถลงนโยบายเป็นกลไกช่วยกู้ความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ ควรต้องเป็นสัญญาที่หนักแน่นว่า 3 ปีข้างหน้าจะทำอะไร เพราะคำสัญญาที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น จึงจะแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนได้

เมื่อตรวจคำแถลงนโยบายแล้ว ไม่ค่อยต่างอะไรกับรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็น GPS ที่พาเราหลงทาง ใช้คำกว้าง ๆ พูดลอย ๆ พูดอีกก็ถูกอีก ใช้คำว่า “เร่งรัด” แต่ไม่ได้บอกว่าจะเสร็จเมื่อใด ส่วนการกำหนดเป้าหมายที่ระบุไว้ในส่วนท้ายว่า “การสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทยและประเทศไทย” ต้องบอกว่าเป้าหมายนี้ไม่มีความชัดเจน เพราะถ้าชัดเจน คงไม่ต้องมีผู้อภิปรายมาช่วยขยายความว่าตกลงมีกินมีใช้คืออะไร


ส่วนตัวชอบคำว่า “เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม” แสดงว่าแม้คำแถลงนโยบายจะไม่ได้บรรจุคำว่าเหลื่อมล้ำสักแต่ถ้านายกฯ บรรจุคำนี้ไว้เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียม คงจะมองเห็นประเด็นของความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ซึ่งเป็นผลต่อความเหลื่อมล้ำด้านอื่นๆ ทั้งทางด้านรายได้ ทรัพย์สิน การเข้าถึงโอกาสการศึกษา การทำงาน ความก้าวหน้าในอาชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาเส้นสาย เพื่อการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม

ที่เหลือก็ยังไม่ได้ช่วยให้ประชาชนเห็นเป้าหมายเพิ่มเติมเลย หากเทียบกับนายกฯ ท่านอื่น ๆ ตนเองขอมอบมงให้กับคำแถลงของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21 ซึ่งต้องปัดตกไป เพราะนั่นเป็นประเทศไทยที่พัฒนาแล้วในอีก 80 ปี

นางสาวศิริกัญญา ยังเจาะจงลงไปในคำแถลงนโยบายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่มีรายละเอียดชัดเจน มีเป้าหมาย มีกรอบเวลาชัดเจนและตรงกับนโยบายที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะไล่คนเขียนนโยบายคำแถลงนั้นออกทำไม เพราะนี่เป็นตัวอย่างว่าหากจะเขียนให้ชัด ก็เขียนได้ และเคยทำมาแล้ว แต่ไม่ยอมเขียน


ตนเองตกใจมากที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในการแถลงนโยบายรอบนี้ คำว่า 10,000 บาทหายไป อย่าทำให้ใจเสีย รีบตอบมาว่าตกลงได้ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ เพราะประชาชนทวงถาม รวมถึงการเพิ่มเติมโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ที่แปลงร่างเป็นค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย 20 บาท เหตุใดไม่ใส่เหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้แล้ว แต่กลับเหมือนวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีความตรงกันทั้งหมด 11 จาก 14 ประเด็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะหลายนโยบายเหมือนกันเป๊ะ

ความเหมือนไม่ใช่ปัญหาเรื่องครอบงำ แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบ ที่ตกลงไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางนโยบายตัวจริง ต้องถามใคร หรือเชื่อใครกันแน่ หากสุดท้ายยังเป็นแบบนี้ ต่อไปการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นเพียงพิธีกรรม เรื่องใหญ่ ๆ อาจไม่ถูกตัดสินจากที่ประชุม แต่ถูกตัดสินมาแล้วจากที่อื่น เช่น ห้องอาหารในโรงแรมต่าง ๆ หรือในเซฟเฮาส์

เราอยากจะเห็นนายกฯ ที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจให้กับประชาชนได้ ว่าท่านจะเป็นคนที่ดำเนินนโยบายที่แถลงได้เอง เพราะการอ่านก็อ่านไปตามกฎหมาย แต่วันนี้ขอให้ท่านได้มาตอบด้วยตนเองในรายละเอียดต่างว่าจะทำอย่างไร

“เราอยากเห็นนายกฯ ที่มีแสงสว่างในตัวเองเป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดาวเคราะห์ ไม่ใช่ดวงจันทร์ที่สองสว่างโดยใช้แสงจากพระอาทิตย์ และวันที่พระอาทิตย์สว่างจ้าเสียเหลือเกิน เราจะไม่เห็นดวงจันทร์เลย” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ยังยกตัวอย่างผลงานที่พรรคเพื่อไทยสรุปมาในระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยตั้งคำถามว่า สิ่งเหล่านี้นับเป็นผลงานหรือไม่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็จะยิ่งเริ่มจางลงไปเหมือนไม่มีอะไรจะใส่ จึงต้องไปหยิบกฎหมายมาใส่ ใน 1 ปีมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไปให้ถึงรากหญ้า กำลังซื้อตกแล้วตกอีก กลับไม่มีนโยบายอะไรออกมา ค่าครองชีพ ราคาน้ำมัน ข้าวของที่แพงขึ้นก็ไม่มี หลังจากที่ทำครบ 3 เดือน งบกลางก็ไม่ค่อยเอาออกมาใช้ เพราะกั๊กไว้ใช้กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต

ขณะที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายรอบ และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก จนถึงตอนนี้เป็นรอบที่ 7 แล้ว เพราะงบกลางของ ปี 67 มีเท่าไรก็เอามาแจกก่อน จ่ายเป็นเงินสด ส่วนที่เหลือก็พยายามจะเบ่งงบปี 68 หาทางกู้เงินเพิ่ม ตัดลดงบชำระหนี้ ก็ยังได้เงินไม่พอที่จะจ่ายให้ครบ 45 ล้านคนอยู่ดี จึงมีการแถลงของนายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมา

วันนี้อยากฟังให้ชัด ๆ ว่าตกลงแล้วโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะไปสุดที่ตรงไหน เพราะอีก 3 วัน คือวันที่ 15 ก.ย.นี้ จะหมดเขตลงทะเบียน และหากประชาชนคนใดยังไม่ได้ลงทะเบียนก็ช่วยมาลงทะเบียน จะได้รู้แน่ว่า สรุปแล้วกลุ่มเป้าหมายมีกี่คน และจะหาเงินมาจากไหน จะยังแจกคนละ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ และจะแจกเป็นเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ต

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการชี้นิ้วมาที่ฝ่ายค้านว่า เป็นเพราะฝ่ายค้านที่ทำให้ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้ล่าช้าเละเทะแบบนี้ อย่าอ้างว่าฟังคนเห็นต่างจึงเปลี่ยนตามมาเรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่เราพูดไม่ใช่ความเห็นที่โต้เถียงกันได้ แต่เป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทุกครั้งเถียงกันแทบเป็นแทบตาย ดื้อตาใสบอกไม่ผิดทำได้ พอหลังชนฝาประเทศกู้ไม่ได้ ก็หายจากวิกฤตไปเป็นปลิดทิ้ง

สุดท้าย พอเปลี่ยนนายกฯ ไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำผิดกฎหมายอีกแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่รัฐบาล ไม่ใช่แค่คณะรัฐมนตรีที่เสียเครดิต แต่ข้าราชการผู้หลักผู้ใหญ่ผู้บริหารในกระทรวงใหญ่ ๆ เสียผู้เสียคนกันหมด เพราะต้องออกมาแก้ต่างแทนรัฐบาล กลายเป็น 1 ปีที่สูญเปล่า สุดท้ายเงินยังไม่ได้ เสียเวลาเสียสมาธิ เสียโอกาสที่จะใช้งบกลางไปกระตุ้นในด้านอื่น ๆ พอไม่ออกมาตรการอื่น ๆ ระหว่างทางแทนที่ประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือก็ไม่ได้

พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่จะกระแทก ตอนนี้อ่อนกำลังลงไปเรื่อย ๆ อ่อนกำลังลงไปพร้อมกับเครดิตและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล หากจะกู้กลับคืนมาก็คงไม่ง่าย ไหนๆ พายุหมุนจะอ่อนกำลังลงกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ก็ขอฟังชัดๆ จากรัฐบาลว่า สรุปแล้วผลต่อเศรษฐกิจสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นเท่าไร จะได้คาดการณ์ไปในอนาคตได้ว่าจะสามารถกระตุ้น GDP ได้เท่าไร

นางสาวศิริกัญญา ดักคอไว้ว่าครึ่งปีหลังของปี 67 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีตามอัตภาพ เนื่องจากฐาน GDP ปีที่แล้วต่ำ จะบอกไว้เลยว่า ถึงจะไม่มีดิจิทัลวอลเล็ต ไตรมาสสี่ก็โตเกือบ 4% แล้ว ดังนั้น ห้ามเคลมว่าที่โตขึ้นเป็นเพราะฝีมือรัฐบาล ขณะที่การปฏิรูปราชการ ต้องลดขนาด เพิ่มประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่มีการพูดถึงการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่แท้จริงของความอุ้ยอ้าย ความซ้ำซ้อน และความไร้ประสิทธิภาพของระบบราชการ

แต่ถ้าดูจากการวิเคราะห์นโยบายที่ออกมา เรื่องการปฏิรูประบบราชการ ตนไม่เห็นว่าจะเป็นทางออกทางรอดของการปฏิรูปผ่านถ้อยคำแถลงครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ที่ลุกขึ้นมาตอบคำถามเหล่านี้ด้วยตัวเอง.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]